
“ธูป” กับแนวทางความเชื่อ
หนึ่งในความเชื่อที่เรียกว่าอยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยเรามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือเรื่องของการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จในกิจการงานต่างๆ ป้องกันภัย และบันดาลให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข โดยใช้ “ธูปเป็นสื่อกลาง” ตามบันทึกปรากฏการใช้ “ธูป” เป็นเครื่องสักการบูชาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ เพื่อบูชาเทพเจ้าหรือทำให้เทพเจ้าพอใจด้วยของหอม ในอดีตธูปทำจากไม้เนื้อหอม หลายชนิด เช่น ไม้จันทน์ขาว จันทน์เทศ กำยาน (เป็นยางไม้หอมชนิดหนึ่ง) ไม้กฤษณา ไม้กันเกรา หรือต้นบง หรือโกวบั๊วะ (โดยการนำมาผสมกับน้ำเพื่อให้เนื้อผงธูปเหนียว พอที่จะฟั่นเป็นธูปได้) บดเนื้อไม้ให้เป็นผงละเอียด นำมาเป็นวัตถุดิบในการทำธูป แต่ในปัจจุบันวัตถุดิบในการผลิตธูปแพงขึ้น ส่วนไม้หอมที่นำมาธูปก็หายากและมีราคาแพง ผู้ผลิตส่วนใหญ่จึงได้หันมาใช้ขี้เลื่อยจากยางพาราแทน เพราะมีราคาถูกกว่าและมีสีขาวนวลเหมือนไม้จันทน์ขาว ลักษณะเป็นผงละเอียด ขึ้นรูปได้ง่าย แล้วจึงนำมาผสมกับน้ำหอม เรียกว่า “ธูปหอม” เมื่อนำมาจุดจะได้กลิ่นหอม
ธรรมเนียมเทศกาลตรุษจีน
เทศกาลตรุษจีนถือว่าเป็นเทศกาลสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนที่จะต้องทำพิธีบูชาเทพเจ้าและแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งตามธรรมเนียมจะมีการจุดธูป เผากระดาษเงิน กระดาษทอง และการจุดประทัด ซึ่งบางคนสูดควันธูปเข้าไปจนรู้สึกหายใจติดขัด บางคนโดนควันเข้าตาจนแสบแดง เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดควันที่มีสารมลพิษ และมีความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งปอดไม่แตกต่างจากควันบุหรี่
“ควันธูป” เสี่ยงก่อมะเร็งปอดเทียบเท่า “ควันบุหรี่”
ในธูปมักมีส่วนประกอบของขี้เลื่อย กาวกั๊วะก่า และกลิ่นที่สกัดจากพืชหรือสารเคมี ซึ่งเมื่อธูปถูกเผาไหม้ก็จะทำให้เกิดฝุ่นละอองและมีสารพิษระเหยออกมา เช่น สารเบนโซเอไพรีน สารเบนซีน และสารบิวทาไดอีน ซึ่งเป็นสารที่มีความสัมพันธ์ชักนำให้เกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แถมยังมีสารที่เป็นมลพิษอื่นๆ อีก เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ผู้ที่สูดดมเข้าไปก็จะเกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ เกิดการจาม ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก ปวดศีรษะ หรือแม้แต่ควันธูปเข้าตาก็อาจทำให้แสบตา น้ำตาไหล
การสูบบุหรี่และการได้รับควันบุหรี่ ถือเป็นปัจจัยสำคัญหลักในการเกิดโรคมะเร็งปอด แต่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะมีการจุดธูป จุดประทัด และเผากระดาษเงิน กระดาษทองกันจำนวนมาก ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงเทียบเท่ากับควันบุหรี่เช่นกัน เนื่องจากการเผาไหม้ของควันธูป ประทัด และกระดาษ จะทำให้เกิดอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ประกอบกับในธูปยังพบสารก่อมะเร็ง ผู้ที่ได้รับสัมผัสเป็นเวลานานจึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้าย โดยเฉพาะโรคมะเร็งปอดได้ นอกจากนี้ ยังมีสารที่เป็นมลพิษอื่นๆ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ผู้ที่สูดดมเข้าไปจะเกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ เกิดการจาม ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก ปวดศีรษะ หรือแม้แต่ควันธูปเข้าตาก็อาจทำให้แสบตา น้ำตาไหลได้ ถึงแม้งานวิจัยทั่วไปจะระบุไว้ว่าต้องมีการสัมผัสหรือสูดดมเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน 10 ปี แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม หรือระบบการระบายอากาศในสถานที่จุดธูป ประทัด และเผากระดาษ หากระบบการถ่ายเทอากาศไม่ดี ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
ขึ้นชื่อว่า “ควัน” อันตรายไม่แพ้กัน
ในการจุดธูปนั้นจะทำให้เกิดควันและเกิดมลพิษในอากาศ เช่นเดียวกันกับที่พบใน “ควันท่อไอเสียรถยนต์” มีสารพิษด้วยเหมือนกัน เช่น คาร์บอนมอนนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน ไนตริคออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ พวกอัลดิไฮด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และเขม่า ซึ่งเขม่าประกอบไปด้วยสารกลุ่ม Polycyclic Aromatic Hydrocarbons; PAHs เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบของสารที่พบคล้ายกันกับ “ควันธูป-ควันบุหรี่” ด้วย ซึ่งสารที่อยู่ในควันธูปเป็นพิษต่อสารพันธุกรรมและสามารถนำไปสู่การเกิดมะเร็งในมนุษย์ได้ โดยสารมลพิษที่ปนเปื้อนในอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเชื้อเพลิง ได้แก่ สารโพลิไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons; PAHs) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีความคงตัวและมีความเป็นพิษสูง เกิดจากกิจกรรมทั่วไปในอาคาร เช่น การใช้เชื้อเพลิงในการปรุงอาหาร การจุดยากันยุง รวมไปถึง “การจุดธูป” เป็นต้น
สูดควันธูปนานๆ เสี่ยงมะเร็งปอด "เป็นเรื่องจริง”?
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ อธิบายเรื่องนี้ไว้ว่า คนที่สูดดมควันธูปนานๆ มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดได้จริง โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีน พบว่าความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปอด ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยสูบบุหรี่ และคนในครอบครัวไม่มีใครสูบบุหรี่เลย แต่ไปสูดดมควันธูปเป็นประจำในชีวิตประจำวัน อย่างการจุดธูปไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ไหว้สิ่งแวดล้อม สูดดมนานๆ ใช้เวลาหลายๆ ปี จะพบมีจุดในปอด ในที่สุดตรวจแล้วก็จะพบว่าเป็นมะเร็งปอด เป็นโรคที่อันตรายถ้าไม่รักษาจะทำให้เสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้น การสูดดมควันธูปสะสมเป็นเวลานานมีโอกาสทำให้เกิดมะเร็งได้ เนื่องจากมีเคสที่เกิดขึ้นจริงแล้ว คุณหมอยืนยันว่าธูปแบบไร้ควันและธูปแบบไร้สารก่อมะเร็ง ไม่มีอยู่จริง เพราะมีการนำตัวอย่างส่งตรวจและพบว่ามีสารก่อมะเร็ง คุณหมอแนะนำให้คนที่อยากจุดธูปบูชาให้ใช้ธูปไฟฟ้าจะปลอดภัยกับเราและคนรอบข้างมากที่สุด
ใครบ้างที่ต้องระวังการการสูดดมควันในช่วงเทศกาลตรุษจีน
สารพิษในอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้นี้สามารถส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ขึ้นอยู่กับปริมาณ และระยะเวลาที่ได้รับสารนั้น แต่สำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ จะไวต่อการรับสารพิษได้ง่ายเป็นพิเศษ จึงควรดูแลตัวเองมากขึ้นโดยไม่อยู่ในจุดที่มีมลพิษเป็นเวลานานๆ รวมถึงผู้ป่วยโรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด สำหรับเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ ก็ควรระมัดระวังเช่นกัน เนื่องจากควันธูปมีสารก่อมะเร็งหลายชนิด ได้แก่ พีเอเอช เบนซีน และ 1, 3-บิวทาไดอีน เป็นต้น การได้รับสารเหล่านี้เป็นพิษต่อสารพันธุกรรม และทำให้ความสามารถในการซ่อมแซมความผิดปกติของสารพันธุกรรม (DNA) ลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งในระบบทางเดินหายใจและโรคมะเร็งอื่นๆ ได้ ดังนั้น เมื่อมีการจุดธูป ประทัด หรือเผากระดาษ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอด โรคถุงลมโป่งพอง หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง เพราะบุคคลกลุ่มนี้มีกลไกการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายไม่เหมือนปกติ ทำให้มีโอกาสเกิดอาการผิดปกติได้มากกว่าในกลุ่มคนที่มีสุขภาพดี
วิธีการป้องกันตนเองจากควันพิษ
ที่มา : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม / ศูนย์มะเร็ง โรงพยาบาลเวชธานี / คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ / โรงพยาบาลเปาโล