เตือนกินหมูดิบ ระวังดับ! อันตรายจากการเปิบอาหารไม่สุก
7 มกราคม 2568 ภายหลังนายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยสถานการณ์โรคไข้หูดับ ใน 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ในเขตสุขภาพที่ 9 ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 2 มกราคม 2568 เขตสุขภาพที่ 9 พบผู้ป่วย โรคไข้หูดับ มากถึง 197 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 22 ราย
เนชั่นทีวี จะพาไปทำความรู้จักกับ "โรคไข้หูดับ" คืออะไร และอะไรคือต้นตอของการติดเชื้อ
สำหรับโรคไข้หูดับ หรือ โรคสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis)เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (STREPTOCOCCUS SUIS) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ
- เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือ สุกๆ ดิบๆ
- การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค จากทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกาย หรือทางเยื่อบุตา หรือสัมผัสเลือดของหมูที่กำลังป่วย
โรคไข้หูดับ มีอาการเป็นอย่างไร ?
"โรคไข้หูดับ" อาการจะเริ่มแสดงให้เห็นภายใน 3 วัน โดยมักมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปวดตามข้อ มีจ้ำเลือดตามตัว และตามผิวหนัง ซึม คอแข็ง ชัก เมื่อเชื้อเข้าสู่เยื่อหุ้มสมอง และกระแสเลือด ทําให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ข้ออักเสบ ม่านตาอักเสบได้ เชื้อสามารถลุกลามไปยังบริเวณปลายประสาทรับเสียง และปลายประสาททรงตัว ทำให้หูตึงไปจนถึงหูหนวก และสูญเสียการทรงตัว
เช็กอาการของ "โรคไข้หูดับ"
- มีไข้สูง
- ปวดเมื่อยตามตัว
- ปวดศีรษะ
- เวียนศีรษะ
- ปวดตามข้อ
- มีจ้ำเลือดตามตัว ตามผิวหนัง
- ซึม
- คอแข็ง
- ชัก
- มีการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึก
- เมื่อเชื้อเข้าสู่เยื่อหุ้มสมอง และ กระแสเลือด
- ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- ข้ออักเสบ
- ม่านตาอักเสบ
- รวมถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) และการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการสูญเสียทางการได้ยินจนถึงหูหนวกถาวร หรือเสียชีวิตได้
ใครบ้างเสี่ยงติดเชื้อ
โรคไข้หูดับ (Streptococcus suis) สามารถเกิดขึ้นกับผู้ที่สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส โดยกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ และเกิดอาการรุนแรงจากโรคไข้หูดับได้มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ได้แก่
- ผู้บริโภคเนื้อหมูดิบ หรืออาหารที่ทำจากหมูดิบ
- ผู้ที่มีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในบางภูมิภาค รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบการบริโภคอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกอย่างถูกสุขลักษณะ
- การบริโภคเนื้อหมูที่ไม่ผ่านการปรุงสุกในอุณหภูมิที่เหมาะสม อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียยังคงอยู่ และก่อให้เกิดโรคหูดับตามมา
- ผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงหรือจัดการหมู รวมไปถึงผู้ประกอบอาชีพในโรงฆ่าสัตว์ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียจากหมูได้
- พ่อค้าแม่ค้าเนื้อหมูที่อาจมีการสัมผัสกับเนื้อหมูดิบเป็นประจำทุกวัน
- ผู้ประกอบอาชีพในโรงงานผลิตเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากหมู ผู้ที่ทำงานในโรงงานแปรรูปเนื้อหมู เช่น การผลิตไส้กรอก หมูยอ หรือผลิตภัณฑ์จากหมูอื่น ๆ ที่อาจมีการสัมผัสกับเนื้อหมูดิบ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหูดับ
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีโรคประจำตัว ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ป่วยโรคไต รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันที่เสื่อมลงตามวัย เมื่อได้รับเชื้อทำให้ง่ายต่อการเป็นโรคหูดับ
- ผู้ที่มีการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในฟาร์มนอกจากหมูแล้ว อาจรวมถึงสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อได้ เมื่อสัมผัสกับเชื้อแล้ว ก็เกิดเป็นความเสี่ยงในการเป็นโรคหูดับ
โรคไข้หูดับ รักษาได้หรือไม่ ?
การรักษาโรคไข้หูดับ จำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล โดยแพทย์จะให้การรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลิน เซฟาโลสปอริน หรือแวนโคมัยซิน เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และทำการรักษาตามอาการของผู้ป่วยในแต่ละราย เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด และการดูแลรักษาในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ในกรณีที่มีอาการรุนแรง โดยแพทย์จะทำการวินิจฉัย โรคหูดับโดยการซักประวัติการบริโภคอาหาร ตรวจร่างกาย ตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus suis และเจาะหลัง (Lumbar puncture) เพื่อตรวจสอบน้ำไขสันหลังในกรณีที่สงสัยว่าเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
วิธีป้องกัน "โรคไข้หูดับ"
- หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากหมูที่ ดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ลาบ หลู้ หมูหมักดิบ ก้อยหมู
- แยกอุปกรณ์ที่ใช้รับประทานอาหาร เช่น ตะเกียบ ช้อนส้อม ที่ใช้กับหมูไม่สุกและหมูสุก
- เลือกบริโภคเนื้อหมูที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน หมูที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ ปลอดจากเชื้อโรค
- ปรุงเนื้อหมูให้สุกทั่วถึง
- ไม่ใช้เขียงหมูดิบในการหั่นอาหารอื่นที่จะรับประทานโดยไม่ปรุงสุกเพิ่ม เช่น ผักสด ผลไม้สด หรืออาหารอื่นที่สุกแล้ว เพราะจะทำให้มีการปนเปื้อนเชื้อโรค
- ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ ก่อนและหลังสัมผัสเนื้อหมู
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหมูที่ป่วยหรือตาย หากจำเป็นต้องสัมผัส ควรสวมถุงมือและหน้ากากอนามัย
- เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูควรหมั่นสังเกตอาการของหมู หากพบหมูมีอาการป่วย ควรรีบแยกหมูออกจากฝูง และแจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ในพื้นที่ทราบ
- การป้องกันโรคหูดับจากหมูดิบเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ขอบคุณข้อมูลจาก
อ.พญ.ทศพร วิศุภกาญจน์ ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล