
ส่วนสารที่ใช้กำจัดคราบน้ำมันในทะเล อย่าง สาร Dispersant ที่ฉีดลงที่คราบน้ำมันในทะเล ซึ่งมีหลักการทำงานคือจะทำให้คราบน้ำมันแตกตัวกลายเป็นละอองน้ำมันผสมกับน้ำจมลงใต้ทะเล ดังนั้นสาร Dispersant จึงไม่ได้ช่วยลดปริมาณน้ำมันแต่อย่างใด แต่ตรงกันข้ามอาจสร้างผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลมากขึ้น
นั่นนหมายความว่าไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมเท่านั้นที่น่ากังวล แหล่งอาหารของมนุษย์ อย่าง อาหารทะเล ก็มีความเสี่ยงในการปนเปื้อนสารเคมีอันตราย หากกินเข้าไปอาจทำให้ร่างกายได้รับสารโลหะหนัก กำมะถันและ PAHs ซึ่งอาจเป็นอันตรายเฉียบพลันกับร่างกาย หรืออาจส่งผลกับสุขภาพในระยะยาวได้
ขอขอบคุณที่มา : FB Sonthi Kotchawat
ในเพจเฟซบุ๊ก ยังให้รายละเอียดความรู้ความเข้าใจต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ
ระวัง!การปนเปื้อน โลหะนัก ไฮโดรคาร์ บอน กำมะถันในอาหารทะเลหลังน้ำมันรั่วที่ศรีราชา ชลบุรี
1.น้ำมันดิบที่รั่วบริเวณทุ่นรับน้ำมันของบริ ษัทไทยออยล์ ศรีราชาจนเกิดคราบน้ำ มันหรือOil spillในขณะนี้ เป็นน้ำมันดิบชนิด
ARUB light crude จากตะวันออกกลางมีองค์ประกอบคือมีค่ากำมะถัน 1.77 -2.0% มีโลหะหนักโดยประมาณแคดเมี่ยม 0.44 ppm, นิเกิล 0.875 ppm,วานาเดี่ยม 0.621 ppm,ตะกั่ว0.2ppmรวมทั้งมีสารประเภท PAHs หรือ Polycyclic Aromatic Hydro
อีกโพสต์ล่าสุดในวันนี้ เมื่อห้าชั่วโมงที่ผ่านมา
ปรากฎการณ์ขึ้ปลาวาฬจะตามมาหลังจากน้ำมันรั่วใหญ่ ,โดย"Dinoflagellates" เป็นสาหร่ายพิษ
1.มีผลการวิจัยในต่างประเทศNorthern Gulf of Mexico พบความเชื่อมโยงระหว่างคราบน้ำมันจำนวนมากในทะเลและการเจริญเติบโตของสาหร่ายที่มีพิษ ( HABs.) พบว่าน้ำมันดิบที่รั่วไหลถูกสารdispersant ลดแรงตึงผิวกลายเป็นละอองน้ำมันตกลงไปปกคลุมใต้ทะเลทำให้มีผลกระทบต่อแพลงค์ตอนที่สังเคราะห์แสงและสร้างอา หารได้เอง(phytoplankton) รวมทั้งสัตว์ที่กินแพลงค์ตอนต่างๆเป็นอาหารและสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ซึ่งเป็นผู้ล่าจนไม่สามารถเจริญเติบโตและอ่อนแอลง (the predator - prey controls หรือเรียกว่าtop-down control)ทำให้สาหร่าย "dinoflagelates"
ซึ่งเป็นสาหร่ายที่มีผนังเซลเป็นเซลลูโลสที่ทนต่อน้ำมันดิบและสารขจัดคราบน้ำมันได้ดีกว่าเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วเกิดเป็นปรากฎการณ์ขี้ปลาวาฬในทะเลหลังจากน้ำมันรั่วไหลภายใน1เดือนขึ้นกับว่าน้ำมันรั่วไหลและใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำ มันมากน้อยแค่ไหน
2.dinoflagellatesเป็นสาหร่ายเซลล์เดียวชนิดหนึ่ง ผนังเซลล์เป็นเซลลูโลสสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ มีคลอโรฟิลล์เอและซี มักมีสีเหลือง-เขียว น้ำตาลหรือแดง เป็นแพลงก์ตอนพืชในน้ำจืดและในทะเล ไดโนแฟลกเจลเลตสีแดง เช่น Gonyaulax เมื่อมีการเจริญมากขึ้นทำให้น้ำเป็นสีน้ำตาลหรือสีแดงเรียกว่า Red tides ซึ่งจะผลิตสารพิษที่เป็นพิษต่อระบบนิเวศในทะเล carbons ซึ่งเป็นสารก่อะเร็ง สูงมาก
2.เมื่อใช้สารขจัดคราบน้ำมันหรือสาร
dispersant ฉีดลงในคราบน้ำมันจะทำให้คราบน้ำมันแตกตัวกลายเป็นละอองน้ำมันผสมกับน้ำจมลงใต้ทะเล ดังนั้นdispersant
ไม่ได้ช่วยลดปริมาณน้ำมันแต่อย่างใดแต่กลับถูกผลักให้ไปมีผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลมากขึ้น
3.ละอองน้ำมันที่ตกลงใต้ทะเลจะมีสารกำ มะถัน,PAHs และโลหะหนักต่างๆดังกล่าวเป็นองค์ประกออบสูงมาก หากสัตว์ทะล เช่น แพลงค์ตอนสัตว์ ปลา เต่าทะเล กุ้ง หอย เป็นต้น กินเข้าไปจะเกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตดังกล่าว หากคนนำมากินอาจได้รับสารโลหะหนัก กำมะถันและPAHsเข้า ไปอาจเป็นอันตรายอย่างเฉียบพัลหรือสะ สมในร่างกายระยะยาวได้
4.สัตว์ทะเลที่จับบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับน้ำมันรั่ว เช่น พื้นที่ เกาะสีชัง เกาะค้างคาว แหลมฉบัง อ่าวอุดม ศรีราชา บางพระ เป็น ต้น หน่วยราชการต้องสุ่มตรวจสารไฮโดร คาร์บอนด์ ,โลหะหนัก ,กำมะถัน ก่อนว่าในเนื้อสัตว์มีค่าเกินมาตรฐานหรือไม่และต้องแจ้งประชาชนให้ทราบด้วย ขณะเดียวกันสัตว์ทะเลดังกล่าวต้องปรุงให้สุกก่อนรับประทาน
ข้อควระวังของการใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันในทะเล...
1.การใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันในทะเลหรือ dispersantฉีดพ่นลงไปเพื่อลดแรงตึงผิวของน้ำมันที่ลอยในทะเล จะทำให้น้ำมันรวมกับสารเคมีกระจายตัวกลายเป็นหยดหรือละอองน้ำมัน(oil droplet)จมลงสู่ใต้ทะเลและหากทะเลมีความลึกเพียงพอและประกอบกับคลื่นลมแรงแบคทีเรียจะย่อยสลายน้ำมันได้หมดไม่กระทบกับสัตว์และพืชทะเล แต่หากใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำ มันใกล้ฝั่งมีระยะไม่เกิน5กม.จะทำให้หยดน้ำมันถูกย่อยสลายไม่ทันจะจับตัวกลายเป็นก้อนของน้ำมันเหลว(sedimentation)
จมลงใต้ทะเลอาจไปปกคลุมหญ้าทะลหรือปะการังหรือไปปกคลุมกับสัตว์ทะเลได้ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 7วันอาจจะพัดเข้าฝั่งจนกลายเป็นก้อนน้ำมันเหนียวหรือ
Tar ball ขนาดเล็กจำนวนมากสร้างความสกปรกให้ชายหาดแหล่งท่องเที่ยวได้
กรณีน้ำมันรั่วของบริษัทไทยออยล์ตามมาตรา 96 ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 กำหนดไว้ชัดเจนเรื่องของผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย โดยมาตรา97ให้หน่วยงานราชการสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกรณีทรัพยากรทางทะเลเสียหายหรือถูกทำลายได้