
ชวนคอข่าว มาร่วมถอดบทเรียนเหตุไฟไหม้ถังสารเคมีออกซิไดซ์ 5.2 ในลานสินค้าอันตรายที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เหตุการณ์ในครั้งนี้มีสารเคมีประเภทสารออร์แกนิคเปอร์ออกไซด์ จำนวน 378 กล่อง น้ำหนัก 6.7 ตัน ที่บรรจุภายในตู้ได้รับความเสียหาย จำนวน 1 ตู้ และได้มีการเกิดกลุ่มควันสีขาว และกลุ่มควันสีดำ กระจายไปทั่วพื้นที่ และบริเวณใกล้เคียง
ย้อนไปเมื่อ 29 สิงหาคม 2566 เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุระเบิดและเกิดไฟไหม้ ภายในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีแสงเพลิง และกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้น สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล
โดยจุดที่เกิดไฟไหม้ เป็นถังบรรจุสินค้าอันตราย ประเภท UN.2014 class 5.1 ซึ่งมีกลุิ่นฉุนรุนแรง และมีฤทธิ์ต่อการกัดกร่อน เหตุเกิดภายในลานพักตู้คอนเทนเนอร์ JWD เขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง
จากการตรวจสอบ ทราบว่าจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณ ท่าเรือแหลมฉบัง แถว A0 ซึ่งมีตู้คอนเทนเนอร์ วางเรียงอยู่จำนวนมาก เกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้รุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งควบคุมเพลิง
เบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุมีคนงานได้รับบาดเจ็บ จำนวน 6 ราย โดยได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดของวัตถุดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลแหลมฉบัง
ประเด็นร้อนๆ นี้ ทำให้หลายๆ หน่วยงาน สังคมและผู้คนโดยรอบ มีความกังวลใจเรื่องสารเคมีออกซิไดซ์ 5.2 ว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม
ล่าสุด ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Sonthi Kotchawat" ระบุข้อความว่า
สารออกซิไดซ์ Class 5.2 เป็นสารเปอร์ออกไซด์อินทรีย์มีคุณสมบัติ คือ เป็นสารที่มีความไวต่อการทำปฏิกริยาอย่างมาก ตัวสารจะไม่เกิดการลุกไหม้ แต่จะช่วยให้สารอื่นลุกไหม้ได้ โดยเมื่อสลายตัวจะปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมา เช่น สารประกอบของไนเตรท,โพแทสเซียมเปอร์คลอเรต,ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์, ไซโคเฮกซานอน เป็นต้น
หากใครที่อยากทราบว่า ผลกระทบหากคนได้รับสารเปอร์ออกไซด์อินทรีย์ จะเป็นอย่างไรบ้าง คือสารดังกล่าวจะทำเกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงต่อดวงตา และผิวหนังรวมทั้งเยื่อเมือก อาจก่อให้เกิดการแพ้บางชนิดก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในระยะยาว เช่น สารโพแทสเซียม คลอเรตอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และตา คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ตัวซีดหรือเขียว ทำลายเม็ดเลือดแดงเป็นอันตรายต่อไต และกล้ามเนื้อหัวใจ
ทั้งนี้ หากคนได้รับสารสัมผัสผิวหนัง หรือเข้าตา ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากๆ หรือสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จะก่อให้เกิดการไหม้ที่บริเวณผิวหนังอย่างรุนแรง และทำลายดวงตา อาจเกิดอาการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นสาเหตุที่จะทำลายทางเดินหายใจส่วนบน และปอดด้วย
ส่วนสาร Cyclohexanone ใช้เป็นตัวทำละลายเป็นสารอินทรีย์ที่ถูกสังเคราะห์มาจากคีโตน ไม่มีสีไวไฟ ละลายในน้ำได้น้อย ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบเงา ทำความสะอาด ทำสี ย้อมสีหรือตกแต่งสิ่งทอ หากสิ่งมีชีวิตหายใจเข้าไปจะมีอาการเช่นเดียวกับสารเปอร์ออกไซด์อินทรีย์อื่น ๆ
สำหรับสาร class 5.1 คือ สารออกซิไดซ์ (Oxidizing substances) หมายถึง ของแข็ง หรือของเหลวที่ตัวของสารเองไม่ติดไฟ แต่ให้ออกซิเจนซึ่งช่วยให้วัตถุอื่นเกิดการลุกไหม้ และอาจจะก่อให้เกิดไฟเมื่อสัมผัสกับสารที่ลุกไหม้และเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ โซเดียมเปอร์ออกไซด์ โซเดียมคลอเรต เป็นต้น
ขอขอบคุณที่มา : Sonthi Kotchawat