svasdssvasds
เนชั่นทีวี

รักษ์โลก

ส่องนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม 100 วันแรกของพรรคก้าวไกล

16 พฤษภาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดเส้นทางสายกรีนที่น่าจับตาของพรรคก้าวไกล ในนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม 100 วันแรก ทั้ง “ค่าไฟแฟร์” และ “หลังคาสร้างรายได้”

การเมืองเปลี่ยน นโนบายด้านสิ่งแวดล้อมพร้อมเปลี่ยน! ชวนส่องนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของพรรคก้าวไกล 100 วันแรกหลังได้จัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้ง 2566 กับนโยบายบนความคาดหวังของชาวไทยทั้ง 15 นโยบาย ซึ่งรวมนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่หลายคนคาดหวังสูงมากด้วยกัน 2 เรื่อง คือ “ค่าไฟแฟร์” และ “หลังคาสร้างรายได้” ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกัน

ส่องนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม 100 วันแรกของพรรคก้าวไกล

นโยบาย “ค่าไฟแฟร์” ถูกและเป็นธรรมสำหรับประชาชน

ปัญหา : ส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาพลังงานสูงเพราะนโยบายของรัฐบาลในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา มีการอนุมัติสัมปทานโรงไฟฟ้าให้กับทุนใหญ่พลังงานเป็นจำนวนมาก สุดท้ายกลายเป็นประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่าความต้องการใช้ไปแล้วถึง 60% 

สิ้นปีที่ผ่านมาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ของประเทศไทยมี 13 โรง ไม่ได้เดินเครื่องเลยแม้แต่วันเดียว 7 โรง แต่กลายเป็นว่าประชาชนยังต้องจ่ายเงินค่าบริการให้กับกลุ่มทุนพลังงานที่ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเลยเหล่านี้ เพราะรัฐบาลไปทำสัญญาประกันกำไรให้กับกลุ่มทุนพลังงาน สุดท้าย ประชาชนจึงต้องแบกภาระค่าความพร้อมจ่าย หรือค่ามีโรงไฟฟ้าเกินความต้องการนั่นเอง

ข้อเสนอพรรคก้าวไกล

ลดค่าไฟให้กับประชาชนได้อย่างน้อย 70 สตางค์/หน่วย (เฉลี่ยบ้านละ 150 บาท) โดยปรับนโยบายเพื่อให้ความสำคัญกับประชาชนก่อนกลุ่มทุน (เช่น การเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติให้โรงแยกก๊าซร่วมหารต้นทุนก๊าซใน Energy Pool ด้วย และให้ก๊าซจากอ่าวไทยขายให้โรงไฟฟ้าก่อนโรงงานอุตสาหกรรม หรือขายก๊าซให้โรงงานอุตสาหกรรมในราคา LNG เพื่อให้ก๊าซจากอ่าวไทยราคาถูกกว่าป้อนโรงไฟฟ้าได้มากขึ้น)

เจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับสัมปทานทุนใหญ่พลังงานใหม่ เพื่อลดต้นทุนที่เกิดขึ้นจากค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่อง

ส่องนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม 100 วันแรกของพรรคก้าวไกล

นโยบาย “หลังคาสร้างรายได้” เปิดเสรีโซลาร์เซลล์ประกันราคาซื้อพลังงานสะอาดสำหรับครัวเรือน

ปัญหา : ปัจจุบัน หลายๆ ประเทศตั้งเป้าและเอาจริงเอาจังกับการเดินหน้ามุ่งสู่สังคมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission แต่การตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรัฐบาลไทยในปี 2030 ไว้ที่ 333 ล้านตัน CO2 ในปี 2030 เท่ากับว่า จริงๆ แล้วการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงเพียง 10% เมื่อเทียบกับปริมาณการปล่อยในปี 2018 (373 ล้านตัน CO2 ในปี 2018) เท่านั้น 

พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายกว่านั้น โดยตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2030 ที่ 300 ล้านตัน CO2 หรือเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 19.5% เมื่อเทียบกับการปล่อยในปี 2018 แทนที่จะเป็น 10% อย่างที่รัฐบาลไทยเสนอ

การตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 73 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ จะมาจากการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคการผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก ด้วยการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน การยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินให้เร็วขึ้น ตามมาด้วยการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและขนส่งสาธารณะให้เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร และการจัดการของเสีย ตามลำดับ โดยการดำเนินการทั้งหมดจะต้องยึดหลักการที่จะให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการดังกล่าวอย่างกว้างขวางที่สุด และร่วมได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านของระบบพลังงานนี้อย่างเป็นรูปธรรม หรือที่เรียกว่า Just Energy Transition การเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานที่เป็นธรรม

 

ข้อเสนอพรรคก้าวไกล

ปลดล็อกให้ประชาชนทุกบ้านติดแผงโซลาร์ ด้วยระบบ net metering (หักลบหน่วยขาย/ซื้อ) เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้า และเปิดโอกาสให้ขายไฟฟ้าที่ผลิตเกินใช้ กลับคืนให้รัฐในราคาตลาด

เพิ่มแต้มต่อให้ประชาชนผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียน โดยการสนับสนุนให้เกิดการรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกิน (จากระบบ net metering) จากโซลาร์เซลล์และพลังงานหมุนเวียนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย ในราคาที่สูงกว่าตลาด และประกันราคารับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำ หากยังไม่มีตลาดที่ 2.2 บาท/หน่วย

 

logoline