
จากกลไกทางธรรมชาติสู่กระบวนการผลิตพลังงานสะอาดเพื่อโลก อย่าง "พลังงานลม" พลังงานที่เกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิ ความกดอากาศ และแรงจากการหมุนของโลก ก่อให้เกิดความเร็วและกำลังลมจนสามารถแปรเป็นพลังงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันมนุษย์ได้ให้ความสำคัญในการนำพลังงานลมมาใช้ประโยชน์มากขึ้น เนื่องจากพลังงานลมมีอยู่โดยทั่วไป เป็นพลังงานที่สะอาดไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อม และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่มีวันหมด อีกทั้งยังเป็นพลังงานสะอาดที่บางประเทศนำมาใช้เป็นพลังงานทางเลือกทดแทนพลังงานฟอสซิล เพื่อช่วยลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม
พลังงานลมทั่วโลกในปัจจุบัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฟาร์มกังหันลมมีอัตราการขยายตัวค่อนข้างสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะหลายประเทศมีข้อจำกัดด้านการขยายพื้นที่ฟาร์มโซลาร์เซลล์ อีกทั้งเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้ต้นทุนอุปกรณ์ถูกลง
แม้ว่าพลังงานลมจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถรับรองได้ว่าพลังงานลมจะมีอนาคตที่สดใส แม้ว่าปัจจุบันมีการผลิตพลังงานลมแล้วมากกว่า 50 ประเทศ แต่ความก้าวหน้าของพลังงานลมจนถึงปัจจุบันเกิดขึ้นจากความพยายามของไม่กี่ประเทศ โดยผู้นำคือ จีน สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สเปน และเดนมาร์ก ด้วยเหตุนี้จากการคาดการณ์ว่าจะมีการใช้พลังงานลมเป็นหนึ่งในของพลังงานหลักของโลก จึงเป็นเป้าหมายในอนาคตที่เป็นไปได้
จีนประกาศสร้างฟาร์มกังหันลมใหญ่ที่สุดในโลก ที่สามารถผลิตไฟได้มากกว่าของไทยทั้งหมดรวมกันภายในอนาคตอันใกล้
ประเทศจีนเตรียมสร้างฟาร์มกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเมืองเฉาโจวในมณฑลกวางตุ้ง ที่สามารถจ่ายพลังงานได้มากถึง 43.3 กิกะวัตต์ (GW) มากกว่าการผลิตพลังงานของประเทศไทยทั้งหมดรวมกัน โดยโครงการจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2025 เป็นพื้นที่ฟาร์มกังหันลมความยาวกว่า 10 กิโลเมตร คาดว่าจะมีกังหันจำนวนหลายพันตัว แต่ละตัวมีขนาดใบพัดยาว 252 เมตร พร้อมด้วยความพิเศษของพื้นที่ที่มีลมแรงพอที่จะทำให้กังหันลมทำงานได้ราว 3,800 ถึง 4,300 ชั่วโมงต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 43 ถึง 49 ของเวลาทั้งหมด ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปกติ จึงสร้างการผลิตพลังงานที่สูงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางการจีนไม่ได้เปิดเผยงบประมาณในการก่อสร้าง หากโครงการนี้สำเร็จและสามารถจ่ายพลังงานได้ตามที่คาดไว้ได้ ฟาร์มแห่งนี้จะจ่ายพลังงานให้กับบ้าน 13 ล้านหลัง หรือจ่ายไฟให้กับหลอดไฟแอลอีดี (LED) ได้ 4.3 พันล้านดวง โดยกำลังการผลิตไฟฟ้า 43.3 กิกะวัตต์นั้นมากกว่าการผลิตไฟฟ้าของทั้งประเทศไทยรวมกัน ตามข้อมูลจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 42 กิกะวัตต์
“เราจะทำงานอย่างจริงจังและรอบคอบเพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้มากที่สุดรวมไปถึงการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Nuetral) ด้วยการวางแผนที่ดีและเป็นขั้นตอน”
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวในการประชุมพรรคเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความพยายามไม่ให้จีนปล่อยมลพิษภายในปี 2060
ตามรายงานจากสภาพลังงานลมโลก (GWEC, Global Wind Energy Council) ระบุว่าปัจจุบันโลกมีกำลังการผลิตไฟฟ้าด้วยลม ทั้งบนบกและอ่าวนอกชายฝั่งเกินกว่า 830 กิกะวัตต์ โดยประเทศจีนเป็นผู้นำซึ่งมีสัดส่วนเกินกว่าครึ่งหนึ่งของโลก หรือราวร้อยละ 55.91 ของทั้งหมด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 18.19 โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จีนได้ติดตั้งกังหันลมนอกชายฝั่งเพื่อผลิตไฟฟ้ามากกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลก
จีนเปิดตัวกังหันลมผลิตไฟฟ้านอกชายฝั่งใหญ่ที่สุดในโลก
เริ่มต้นปี 2023 ล่าสุด MING Yang Smart Energy Group ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานสะอาดของจีน เปิดตัวกังหันลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยใบพัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 260 เมตร กำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 18 เมกะวัตต์ (MW) ครอบคุมพื้นที่ติดตั้ง 53,000 ตารางเมตร หรือเทียบเท่ากับพื้นที่ของ 9 สนามฟุตบอลรวมกัน ซึ่งผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอเพื่อจ่ายพลังงานให้กับคน 96,000 คนในหนึ่งปี
MING Yang เผยว่าจะใช้กังหันลมขนาดยักษ์นี้เพื่อแทนกังหันลมเดิมที่มีขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยลดจำนวนกังหันลมที่จะต้องติดตั้งในโครงการที่กำหนด และช่วยลดต้นทุนลงได้ด้วย
การประกาศเปิดตัวครั้งนี้ของ MING Yang เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ซีเอสเอสซี ไห่จ้วง (CSSC Haizhuang) กังหันลมนอกชายฝั่งที่พัฒนาโดยบริษัท รัฐวิสาหกิจอู่ต่อเรือจีน (China State Shipbuilding Corporation: CSSC) ได้ประกาศสร้างกังหันทำลายสถิติของตนเอง ซึ่งได้รับการออกแบบและผลิตให้สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้สูงสุด 18 เมกะวัตต์เช่นกัน แต่มีขนาดใบพัดที่มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย
สำหรับจุดเริ่มต้นการทุบสถิติโลกของ MING Yang ในครั้งนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อราวปีกว่าๆ ซึ่งในตอนนั้น MING Yang ได้ประกาศแผนที่จะสร้างกังหันลมขนาด 16 เมกะวัตต์ ซึ่งหากสามารถทำได้สำเร็จ จะถือเป็นขนาดที่ใหญ่ทำลายสถิติในตอนนั้นทันที และนอกจากกังหันลมขนาดยักษ์ 18 เมกะวัตต์ ที่กลายเป็นกังหันลมที่ถือได้ว่าเป็นสถิติใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทาง Ming Yang ยังเปิดตัวกังหันลมขนาด 16 เมกะวัตต์ตัวแรกออกมาด้วย ตามแผนที่เคยตั้งเป้าไว้ ซึ่งเป็นขนาดที่ทำลายสถิติเดิมที่เคยเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2564
ปัจจุบันจีนเป็นตลาดพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่และมีแนวชายฝั่งที่ทอดยาว จึงเป็นประเทศที่มีทรัพยากรลมที่ยอดเยี่ยมเหมาะกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม โดยจีนถูกประเมินว่าสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานลมบนบกได้กว่า 2,380 กิกะวัตต์ (GW) และอีก 200 กิกะวัตต์ในทะเล โดยจากข้อมูลของ World Forum Offshore Wind จีนได้เพิ่มกำลังการผลิตนอกชายฝั่งใหม่ 5.1 GW ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดเป็น 24.9 GW และมีอีก 3.2 GW อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
สถานการณ์ปัจจุบันของพลังงานลมในประเทศไทย
ทิศทางการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศไทย พบว่ายังมีข้อจำกัดเรื่องศักยภาพของความเร็วลม ปัญหาที่ดินที่ใช้เป็นสถานที่ติดตั้งกังหันลม และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือปัจจุบันไทยยังไม่สามารถผลิตอุปกรณ์กังหันลมได้เอง ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา ทำให้ไทยยังไม่สามารถส่งเสริมพลังงานลมให้เป็นพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าได้ สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานลมของ กฟผ. (ในปี 2021) มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 26 เมกะวัตต์ โดยมีกังหันลมผลิตไฟฟ้าที่สำคัญ 2 แห่ง ได้แก่ กังหันลมแหลมพรหมเทพ จ. ภูเก็ต และกังหันลมลำตะคอง จ. นครราชสีมา นอกจากนี้ กฟผ. ยังมีโครงการโรงไฟฟ้ากังหันลมลำตะคองระยะที่ 2 โดยโครงการดังกล่าวจะใช้ Wind Hydrogen Hybrid System ควบคู่กับเซลล์เชื้อเพลิง ซึ่งไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการเก็บและผลิตไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้กักเก็บไฟฟ้า และจ่ายไฟฟ้าอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น
ที่มา:
www.bloomberg.com/news/articles/2023-01-11/china-clean-energy-giants-unveil-world-s-largest-wind-turbines
www.futuretimeline.net/blog/2023/01/11-wind-turbine-future-timeline.htm
https://ngthai.com/environment/35301/wind-energy/