
ตอนแรกมีแต่คนสงสัยว่า เหตุใด จัสติน บีเบอร์ ศิลปินผู้สร้างตัวเองตั้งแต่อายุ 13 ปี จนมีทรัพย์สินราว 300 ล้านดอลลาร์ (มากกว่า 10,000 ล้านบาท) ถึงยอมเดินทางข้ามซีกโลกจากบ้านในลอส แองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปยังเมืองมุมไบ เพื่อแสดงในงานแต่งงานลูกชายของ มูเกช อัมบานี มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในอินเดีย โดยรับค่าตัวเพียง 10 ล้านดอลลาร์ (350 ล้านบาท)
คนที่เห็นจัสตินวัย 30 ปี ต่างพูดตรงกันว่า หน้าตาเขาดูหมองๆ เครียดและเหมือนอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา และหลังจากแสดงจบ ก็เขารีบเดินทางกลับบ้านที่แคลิฟอร์เนียทันที
ทำให้เกิดคำถามว่า เหตุใดเขาจึงทิ้งภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์มาไกลมาทำงานที่จริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร เพราะขนาดคอนเสิร์ตของเขาเอง ก็ยังเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพราะปัญหาสุขภาพ เขาต้องการเงินขนาดนั้นเลยหรือ?
คนวงในใกล้ชิดมากกว่า 2 คน ยืนยันว่า เรื่องร้อนเงินนั้น มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะแม้จะมีทรัพย์สินมหาศาล แต่ถ้ามันถูกใช้ทุกวันไปกับสินค้าฟุ่มเฟือย มันก็ร่อยหรอลงเรื่อยๆ จนน่าใจหาย และทำให้เกิดความเครียดสะสม ว่ากันว่า เฮลีย์ภรรยาของเขา ใช้เงินเหมือนสามีพิมพ์แบงค์ดอลลาร์ได้เอง ไปกับการซื้อ "แหวนหมั้นวงที่ 2" ราคา 1.5 ล้านดอลลาร์ หรือใช้เงินหลายสิบล้านดอลลาร์ แบบชิลๆ ในการขึ้นเครื่องบินเจ็ต "ไปทำเล็บ"
จากที่เคยเป็นหัวเรือใหญ่ในรังสรรค์ผลงานเพลง ตอนนี้ จัสตินไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว
ทุกคนพากันชี้นิ้วไปที่เฮย์ลีย์ว่า ทำให้เขาแยกตัวออกจากเพื่อนฝูงและครอบครัว เขาถูกเธอควบคุมอย่างสมบูรณ์จนสูญเสียตัวตน หมดแรงผลักด้านในการสร้างสรรค์ และไร้แรงบันดาลใจ และสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือความทุกข์และความหม่นหมอง
จัสตินในวันนี้ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเด็กชายวัย 12 ปี ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ตอนที่ขึ้นเวทีครั้งแรก เมื่อปี 2009 และร้องเพลง 'One Time' .... โดยนับตั้งแต่ปี 2021เขาไม่มีอัลบั้มใหม่ และไม่ได้ทัวร์คอนเสิร์ตเลยนับตั้งแต่ปี 2022 ทั้งยังยกเลิกการทัวร์คอนเสิร์ต 'Justice' เมื่อเดือนกันยายน ปี 2022 โดยบอกว่า มีอาการป่วยด้วยโรค 'Ramsay Hunt' ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ที่ทำให้ใบหน้าซีกขวาเป็นอัมพาต
ต่อมาเดือนมกราคม ปี 2023 เขาประกาศขายลิขสิทธิ์แคตตาล็อกเพลงของตัวเองจำนวน 291 เพลง (เพลงทั้งหมดจากอัลบั้ม 6 ชุดของเขา) ให้กับบริษัท Hipgnosis Songs Capital ด้วยราคาสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ (6,500 ล้านบาท) ที่จะทำให้เขาไม่ได้รับค่าลิขสิทธิ์ใดๆ จากเพลงที่ปล่อยออกมาก่อนวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2021 อีกต่อไป โดยเรื่องนี้ สร้างความประหลาดใจให้คนในแวดวงเดียวกัน เพราะศิลปินที่ยอมขาย
แคทตาล็อกเพลง ก็ต่อเมื่อใกล้จะสิ้นสุดอาชีพ และต้องการเงินไว้ใช้เมื่อถอยออกจากสปอตไลท์ไปแล้ว มีแต่ทักท้วงจัสตินไม่ให้ขาย แต่เฮลีย์ได้โน้มน้าวเขาเพราะเห็นแก่เงินมหาศาล เมื่อเดือนพฤษภาคม ทั้งคู่ฉลองแต่งงานกันอีกรอบที่ฮาวาย และเฮลีย์ที่กำลังตั้งท้อง
ได้อวดแหวนเพชร 18 กะรัต ซึ่งเป็นแหวนหมั้นวงใหม่ราคา 1.5 ล้านดอลลาร์ (53 ล้านบาท) โดยใส่คู่กับแหวนหมั้นวงเดิมที่เป็นเพชร 10 กะรัต ราคา 600,000 ดอลลาร์ (21ล้านบาท)
ตอนแรก จัสตินก็ไม่เห็นด้วยกับการซื้อแหวนวงใหม่ บางคนบอกว่า มันแย่มากที่เธอเซ้าซี้เขาเรื่องนี้ ด้วยการบอกว่า เธอต้องมีแหวนใหม่เพื่อมาต่ออายุคำสาบาน และเธอก็ได้ในสิ่งที่ต้องการในที่สุด.."การครอบงำ" ของเฮลีย์ ยังขยายไปถึงเสื้อผ้าของจัสติน เขาเปลี่ยนสไตล์ไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะเฮลีย์ต้องการให้เขาปรับลุคให้ดู "ร้อนแรงเท่านั้น" เธอไม่อยากให้เขาดูเรียบร้อย เพราะผู้หญิงจะแห่ไปหาเขา
บีเบอร์ยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติด เขาเริ่มสูบกัญชาตั้งแต่อายุ 12 ปี ก่อนจะเสพยาเสพติดอื่นและดื่มเหล้า เขาเคยบอกว่า ใช้ยาเสพติดเป็น "ยาชา" เพื่อช่วยให้รับมือกับความมีชื่อเสียง ในสารคดีเมื่อปี 2020 จัสตินเล่าว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยส่วนตัว ต้องวิ่งเข้าไปในห้องของเขากลางดึกเพื่อตรวจชีพจรของเขา
หลังจากแต่งงานในปี 2018 ดูเหมือนจัสตินจะปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิต ที่เงียบสงบมากขึ้น เขาให้สัมภาษณ์นิตยสาร GQ ว่า การได้อยู่กับเฮลีย์ทำให้เขามี 'คนที่รัก' และบ้านที่มั่นคง "ก่อนหน้านี้ ผมไม่มีสิ่งนั้นให้ตั้งตารอในชีวิต"
แต่หลังจากแต่งงานได้ปีเดียว ชีวิตคู่ก็เริ่มลุ่มๆ ดอนๆ เฮลีย์ให้สัมภาษณ์ทาง podcast เมื่อปี 2021 ว่า "มีหลายวันที่ชั้นรู้สึกแบบว่า 'ไม่รู้ว่าเขาจะสบายดีหรือเปล่า' นั่นคือสิ่งที่ชั้นคิดว่า เป็นสิ่งที่ยากที่สุด ไม่มีหลักประกันใดๆ"
เมื่อเดือนเมษายน แฟนๆ พากันช็อกต่อภาพที่เป็นไวรัลในอินเตอร์เน็ต ที่จัสตินโพสต์รูปตัวเองมีน้ำตาไหลอาบแก้ม และเขาก็ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น ปล่อยให้มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานาเท่านั้น