แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อค่ำวันพุธระบุว่า รัฐบาลบรรลุข้อตกลงยอมรับสารภาพกับผู้ต้องหา 3 คน ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกวนตานาโมในคิวบา และถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันวางแผนก่อเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 แต่ไม่ให้รายละเอียดใด ๆ
ขณะที่สื่อรายงานอ้างจดหมายของอัยการ ที่ส่งถึงครอบครัวของเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากวินาศกรรมว่า ภายใต้ข้อตกลงรับสารภาพก่อนการเปิดพิจารณาคดี ที่บรรลุผลผ่านการเจรจานาน 27 เดือนระบุว่า คาหลิด ชีค โมฮัมเหม็ด ผู้บงการ และผู้สมคบคิดอีก 2 คน คือ วาลิด บิน อัตตาช และมุสตาฟา อัล-ฮาวซาวี ยอมรับสารภาพทุกข้อหา เพื่อแลกกับการได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต แทนโทษประหารชีวิต โดยทั้ง 3 คน จะเข้าให้การรับสารภาพต่อศาล ที่คาดว่าจะเริ่มได้อย่างเร็วในสัปดาห์หน้า
อัยการ ระบุในจดหมายว่า การตัดสินใจบรรลุข้อตกลงคำรับสารภาพก่อนการไต่สวนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้านและสมเหตุสมผล เพื่อให้ได้แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการทวงคืนความยุติธรรมและปิดฉากคดีที่ยืดเยื้อยาวยาน
ผู้เชี่ยวชาญ บอกว่า ข้อตกลงครั้งนี้เป็นความพยายามหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีที่ซับซ้อนยาวนานต่อนายโมฮัมเหม็ด หลังเผชิญอุปสรรคที่ทำให้กระบวนการชะงักงันมานานเกือบ 20 ปี นับจากจับกุมตัวนายโมฮัมเหม็ดได้ในปากีสถานเมื่อปี 2546 และข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงที่แย่น้อยที่สุดในโลกของความเป็นจริง
เดิมการพิจารณาคดีกำหนดเริ่มขึ้นในวันที่ 11 มกราคม 2564 แต่มีผู้พิพากษาลาออก 2 คน และเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้กระบวนการล่าช้าออกไป
โมฮัมเหม็ดเป็นหนึ่งในผู้ช่วยที่ โอซามา บิน ลาเดน ผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัลไกดา ไว้ใจที่สุด เขาถูกระบุว่า เป็นผู้วางแผนก่อวินาศกรรมสะเทือนโลก ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 2,976 ราย สลัดอากาศลงมือยึดเครื่องบินโดยสาร 4 ลำ โดยแต่ละลำพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์ก, อาคารกระทรวงกลาโหมนอกกรุงวอชิงตัน และลำที่ 4 ตกลงในทุ่งในรัฐเพนซิลเวเนีย หลังผู้โดยสารพยายามต่อสู้กับสลัดอากาศ
สภาความมั่นคงแห่งชาติ ชี้แจงว่า ทำเนียบขาวได้รับทราบเรื่องข้อตกลงรับสารภาพของโมฮัมเหม็ดและพวกอีก 2 คนในวันพุธ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจา
แต่บางครอบครัวของผู้เสียชีวิตแสดงความผิดหวังกับข้อตกลง เพราะอยากเห็นผู้ต้องหาได้รับโทษสูงสุด และพรรครีพับลิกันรีบออกมาโจมตีรัฐบาลที่ยอมทำข้อตกลงกับผู้ต้องหา