เสียงไซเรนเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังกึกก้องทั่วกรุงเทลอาวีฟ ในภาคกลางของอิสราเอลในวันอาทิตย์ หลังฮามาสยิงจรวดหลายลูกโจมตีภาคกลางเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 เดือน และประชาชนแตกตื่นวิ่งหาที่หลบภัยเพื่อความปลอดภัย
กองทัพอิสราเอล ระบุว่า จรวดอย่างน้อย 8 ลูก ถูกยิงจากเมืองราฟาห์ในภาคใต้ของฉนวนกาซา และกองทัพสามารถยิงสกัดไว้ได้จำนวนหนึ่ง และไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ
นอกจากนี้มีรายงานเสียงไซเรนดังขึ้นในอีกหลายเมือง รวมถึง เฮิร์ซลิยา และเปตาห์ ติกวา และสื่ออิสราเอลเผยแพร่คลิปที่เห็นชิ้นส่วนจรวดตกบนทางเท้าใกล้โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเมืองเฮิร์ซลิยา และยังมีคลิปที่เห็นเตียงนอนในบ้านหลังหนึ่งพังเสียหายในเมืองเฮิร์ซลิยา และหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดจากจรวดตกใส่พื้นที่โล่งใกล้เมือง คฟาร์ ซาบา
กองพลน้อยอัล-กัสซัม ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของฮามาส โพสต์ในเทเลแกรมอ้างว่า เป็นฝ่ายโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ต่อเทลอาวีฟ
สื่อรายงานว่า การโจมตีของฮามาสครั้งนี้ที่ครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้างอย่างเหลือเชื่อ แสดงว่า ฮามาสยังมีศักยภาพที่โจมตีอิสราเอลได้ และถูกมองว่าเป็คนความล้มเหลวของกองทัพอิสราเอล รวมทั้งอาจส่งผลต่อการเจรจาหยุดยิง ที่คาดว่า จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันอังคาร ภายใต้การไกล่เกลี่ยของทั้งอียิปต์ กาตาร์และสหรัฐฯ
ขณะที่เบนนี แกนตซ์ รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล บอกว่า การโจมตีด้วยจรวดจากเมืองราฟาห์ แสดงให้เห็นว่า อิสราเอลยังจำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการทางทหารในทุกแห่งที่ยังมีฮามาสเคลื่อนไหวอยู่ต่อไป
การโจมตีของอิสราเอลมีขึ้นในช่วงที่กองทัพอิสราเอลกำลังเพิ่มการโจมตีในเมืองราฟาหาเพื่อกำจัดสมาชิกฮามาสที่หลงเหลืออยู่ แม้ว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีคำสั่งเมื่อวันศุกร์ให้ยุติการสู้รบในเมืองราฟาห์ทันที
ขณะที่ในวันอาทิตย์รถบรรทุกความช่วยเหลือสามารถเข้าสู่ฉนวนกาซาจากทางภาคใต้ของอิสราเอลภายใต้ข้อตกลงใหม่ ที่เลี่ยงผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ที่ติดกับอียิปต์ หลังจากอิสราเอลเข้ายึดจุดผ่านแดนราฟาห์ฝั่งของฉนวนกาซาช่วงต้นเดือนนี้
กระทรวงสาธารณสุขในกาซา รายงานในวันอาทิตย์ด้วยว่า มีผู้เสียชีวิต 81 ราย และผู้บาดเจ็บ 223 ราย จากการโจมตีของอิสราเอลทั่วฉนวนกาซาในช่วง 24 ชั่วโมง ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เพิ่มเป็น 35,984 ราย และผู้บาดเจ็บเพิ่มเป็น 80,643 ราย