ท้องฟ้าเหนือนครเยรูซาเลมของอิสราเอลสว่างวาบเป็นพัก ๆ ในขณะที่ "โดรนกามิกาเซ่กับขีปนาวุธ" ทิ้งตัว (ballistic missiles) และจรวดร่อน (cruise missiles) ของอิหร่าน มากกว่า 150 ลูก เริ่มเข้าสู่น่านฟ้าของอิสราเอลภายใต้ปฏิบัติการ "คำสัญญาที่เป็นจริง" (True Promise) เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่าน ในกรุงดามัสกัสของซีเรีย ทำให้ชาวอิหร่านเสียชีวิต 12 คน รวมทั้งผู้บัญชาการทหารระดับสูง 2 คน
กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (Islamic Revolutionary Guard Corps) หรือ IRGC ระบุสื่อของรัฐว่า หน่วยการบินและอวกาศของ IRGC ได้โจมตีเป้าหมายในอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธหลายสิบลูก เพื่อตอบโต้ต่ออาชญากรรมของระบอบไซออนนิสต์ รวมถึงการโจมตีส่วนสถานกงสุลของสถานทูตอิหร่านในดามัสกัส และสังหารผู้บังคับบัญชาและที่ปรึกษาทางทหารของอิหร่านในซีเรีย ทั้งยังประกาศจะดำเนินมาตรการขั้นต่อไป ถ้าอิสราเอลเลือกที่จะตอบโต้การโจมตีครั้งนี้อีก
ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นขีปนาวุธถูกสกัดโดย "ระบบไอเอิน โดม" (Iron Dome) เหนือนครเยรูซาเลมที่อยู่ทางตะวันออก เสียงระเบิดดังไกลถึงนครเยโริโคซึ่งเป็นเขตยึดครองของอิสราเอลในเวสต์ แบงค์ ด้านกองกำลังป้องกันประเทศของอิสราเอล หรือ IDF เปิดเผยว่าได้เปิดไซเรนเตือนภัยในภูมิภาคเนเกฟด้วย
สหราชอาณาจักรหนึ่งในพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของอิสราเอล ได้เริ่มสนับสนุนอิสราเอลด้วยการส่งเครื่องบินรบไปช่วยขจัดโดรนและขีปนาวุธ ส่วนสหรัฐฯ ส่งเรือรบสะเทินน้ำสะเทินบก "บาตาอัน" (Bataan) ที่ใช้ในสงคราม พร้อมกับนาวิกโยธิน 2,500 นาย และเรือสนับสนุนอีก 2 ลำ เข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทันที นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังมีเรือพิฆาตติดอาวุธนำวิถีหลายลำ รวมทั้ง เรือ "คาร์นีย์" (Carney) อยู่ละแวกนั้นด้วย
ในขณะที่ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางพากันปิดน่านฟ้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สหรัฐฯ กับอังกฤษก็ยืนยันว่าสามารถสกัดโดรนและขีปนาวุธได้ 99% แม้อิหร่านจะอ้างว่าบรรลุกเป้าหมายในการโจมตีฐานทัพอากาศเนเกฟ ก่อนหน้านี้ IDF ระบุว่าการเดินทางของโดรนและขีนาวุธของอิหร่านต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง จึงได้เปิดไซเรนเตือนภัยและรบบป้องกันภัยทางอากาศได้เตรียมพร้อมระดับสูง ในขณะที่เรือรบและเครื่องบินรบอยู่ในภารกิจปกป้องน่านน้ำและน่านฟ้า และคอยเฝ้าระวังทุกเป้าหมายที่เป็นไปได้