
ผลการศึกษาที่นำโดย "ฮิโรชิ โยชิดะ" นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตโฮกุ เมืองเซนไดของญี่ปุ่น ได้ให้ข้อมูลที่เหลือเชื่อว่า ในปี ค.ศ. 2531 (พ.ศ. 3074) หรืออีก 507 ปีข้างหน้า ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศเดียว ที่ประชากรทุกคนในประเทศจะใช้นามสกุลเหมือนกันหมด คือ "ซาโตะ" อันเป็นผลมาจากกฎหมายเกี่ยวกับคู่สมรสที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน และอาจนำไปสู่ความวุ่นวายทางสังคมอย่างคาดไม่ถึง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียว ที่กำหนดให้คู่สมรสต้องใช้นามสกุลเดียวกัน ตามกฎหมายที่ยึดถือมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1898 (พ.ศ. 2441) และส่วนใหญ่ 95% ฝ่ายหญิงต้องทิ้งนามสกุลตัวเองไปใช้ของสามี ขณะที่ปัจจุบันนามสกุล "ซาโตะ" ครองสัดส่วน 1.5% ของประชากรทั้งประเทศ ถ้าข้อบังคับนี้ยังคงดำเนินต่อไป ก็จะไม่มีนามสกุลอื่นหลงเหลืออยู่ในปี ค.ศ. 2531 ยกเว้น 2 ปัจจัย ที่จะทำให้แนวโน้มนี้สวนทางกับการศึกษาคือ มีการแก้กฎหมายและอัตราการแต่งงานที่ลดน้อยลง ทำให้จำนวนประชากรลดน้อยลง
ในแต่ละปีมีคู่สมรสใหม่ในญี่ปุ่นราว 500,000 คู่ ที่หมายความว่า มีคนถึงครึ่งล้านที่ต้องทิ้งนามสกุลเดิม ซึ่งข้อมูลที่รวบรวมได้ช่วงปี 2565-2566 ชี้ว่า นามสกุล "ซาโตะ" เพิ่มขึ้นปีละ 1.0083% และมีผู้ใช้เป็นอันดับ 1 (ราว 1.8 ล้านคน จากจำนวนประชากร 125 ล้านคน) ตามด้วย ซูซูกิ, ทาคาฮาชิ และทานากะ ทำให้เกิดคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าในอีก 500 กว่าปีข้างหน้า ทุกคนทั้งในทีมกีฬา ห้องเรียน หรือภายในสำนักงาน มีแต่ "คุณซาโตะ" หรือ "เด็กชายและเด็กหญิงซาโตะ"
ถ้าไม่มีการแก้กฎหมาย ในปี ค.ศ. 2246 (พ.ศ. 2789) จะมีคนใช้นามสกุลซาโตะราว 50% และความท้าทายก็คือ ความพยายามแก้กฎหมายฉบับนี้ "ล้มเหลว" มาแล้วหลายครั้ง ทั้งที่มีการร้องเรียนจากผู้หญิงว่า พวกเธอสร้างอาชีพตัวเองภายใต้นามสกุลเดิม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าถ้าเป็นแบบนั้น ทุกคนจะต้องเรียกกันด้วยชื่อหรือแทนด้วยตัวเลข ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นโลกก็คงจะไม่น่าอยู่เท่าไหร่