มหานครเทล อาวีฟ ของอิสราเอล อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมพร้อมระดับสูงตั้งแต่วันพฤหัสบดี (4 เมษายน) หลังคณะรัฐมนตรีสงครามจัดประชุมเครียดและออกมาตรการป้องกัน โดยเฉพาะสัญญาณนำทาง (navigational signals) ที่ได้มาจากข้อมูลชั่วคราว ที่จำเป็นต่อการค้นหาตำแหน่งของดาวเทียมที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมรับความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีจากอิหร่าน เพื่อล้างแค้นที่อิสราเอลส่งเครื่องบินรบ F-35 โจมตีสถานกงสุล ในกรุงดามัสกัสของซีเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 คน รวมทั้งผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านด้วย
อิสราเอลคาดว่า เป้าหมายโจมตีของอิหร่านคือเทล อาวีฟ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ จึงใช้ยุทธวิธีรบกวน GPS เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านหรือกองกำลังตัวแทน โจมตีโดยโดรนหรือขีปนาวุธที่นำวิถีด้วย GPS และยังรบกวนแอปพลิเคชันยอดนิยม รวมทั้ง Google Maps กับ Gett Taxi โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้การจราจรล่าช้า การขนส่งอาหารหยุดชะงัก และทำให้ที่ตั้งของเทล อาวีฟ ไปอยู่ในตำแหน่งของกรุงเบรุตของเลบานอนด้วย
นอกจากเตรียมพร้อมในประเทศ อิสราเอลยังแจ้งเตือนสถานทูตทั่วโลกระดับ "สีแดง" และเตือนเจ้าหน้าที่สถานทูตให้หลีกเลี่ยงการออกไปอยู่ตามสถานที่สาธารณะ และมีคำสั่งอพยพนักการทูตตามสถานทูตทุกแห่งทั่วโลกไปยังสถานที่อื่นด้วย
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ หรือ CIA เตือนอิสราเอลว่า อาจถูกอิหร่านโจมตีภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่าน ในกรุงดามัสกัสของซีเรียในสัปดาห์นี้ ที่ทำให้ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่านเสียชีวิต 2 นาย
ช่องดาวเทียมอิสระ "อัล มายาดีน" รายงานว่า แผนการล้างแค้นของอิหร่าน จะเป็นการโจมตีแบบประสานงานระหว่างโดรนกับขีปนาวุธ ที่ยิงจากฐานที่มั่นในอิหร่านไปโจมตีจุดยุทธศาสตร์ภายในอิสราเอล ท่ามกลางความวิตกของสหรัฐฯ ว่า จะนำไปสู่สงครามที่ขยายวงกว้างขึ้นในตะวันออกกลาง
อิสราเอลพุ่งโจมตีกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน เพราะเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการวางแผนสังหาร หรือลักพาตัวชาวอิสราเอลทั่วโลก แต่การโจมตีสถานกงสุลในซีเรียถูกมองว่าเป็นการวางแผนที่ประมาทเลินเล่อ รังแต่จะส่งผลให้ความขัดแย้งบานปลาย ทำให้ตะวันออกกลางลุกเป็นไฟ และเป็นภัยต่ออิสราเอลเอง ที่ยังติดพันสงครามในฉนวนกาซา และยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงจุดสิ้นสุด