ตอนนี้ไพรเวทเจ็ทหรือเครื่องบินส่วนตัวที่บรรดาศิลปินคนดังเขาใช้กัน กำลังถูกจับตาเป็นพิเศษ ในฐานะตัวการทำลายโลก
และถ้านับกันจริงๆเราจะพบว่า 80% ของประชากรโลก ไม่เคยนั่งเครื่องบินเลยด้วยซ้ำ แต่ทุกคนล้วนต้องรับผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของคนดังแค่ไม่กี่คน ทำให้คนทั่วโลกเริ่มรู้สึกไม่โอเคกับการที่ศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบ เดินทางด้วยไพรเวทเจ็ท โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของคนทั่วไปเลย
หนึ่งในศิลปินชื่อดังที่ตกเป็นเป้าของเรื่องนี้มากที่สุดก็หนีไม่พ้น เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ที่ถูกวิพากษ์วิจารย์เรื่องการใช้ไพรเวทเจ็ทมาตลอด จนหลายคนอาจจะคิดว่าเธอคือศิลปินที่ใช้เครื่องบินเจ็ทเยอะที่สุด ทำให้โลกร้อนมาที่สุดหรือเปล่า แต่ความจริงไม่ใช่เลย เพราะจากการจัดอันดับคนดังที่ใช้เครื่องบินเจ็ทมากที่สุด สวิฟต์ไม่ติด 10 อันดับแรกด้วยซ้ำ
โดยอันดับ 1 ตกเป็นของแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง ทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott) ที่การเดินทางของเขาได้สร้างก๊าซคาร์บอนไปแล้วกว่า 6000 ตัน
แต่แน่นอนว่าในส่วนของศิลปินหรือคนดัง เขาก็จะมีข้ออ้างในเรื่องของความปลอดภัยส่วนบุคคล ความรวดเร็วต่อการจัดสรรค์คิวงานที่ต้องไปทัวร์ทำการแสดงหลายต่อหลายที่ ที่ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องใช้เครื่องบินเจ็ท ซึ่งบางคนก็พยายามที่จะหาวิธีลดทอนผลกระทบจากการเดินทางของตัวเองเหมือนกัน
หนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เทย์เลอร์ สวิฟต์ คนเดิม ที่ออกมาบอกเลยว่า ถึงแม้เธอจะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการนั่งเครื่องบินเจ็ท แต่เธอก็มีการซื้อคาร์บอนเครดิตมากเป็น 2 เท่า เพื่อเป็นการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทางของเธอเรียบร้อยแล้ว และมีคนดังอีกหลายคนที่ตัดสินใจยุติเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยวิธีเดียวกัน
ด้านทางอุตสาหกรรมการบินก็พยายามที่จะเข้ามาแก้ไขเรื่องนี้ ด้วยการพัฒนาเครื่องบินเจ็ทที่ประหยัดเชื้อเพลิง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือในอนาคตอาจจะมีเครื่องบินเจ็ตพลังงานไฟฟ้าที่มีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์เลยก็ได้
ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาของคนดังด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตก็ยังสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ว่าสุดท้ายมันคือการสร้างปัญหาแล้วมาแก้ไขทีหลัง ไม่ได้ระงับที่ต้นเหตุหรือไม่ ควรเลิกใช้เครื่องบินส่วนตัวไปเลยไหม ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะยังต้องถกเถียงหาทางออกกันต่อไป