ญี่ปุ่นออกวีซ่า “ดิจิทัล โนแมด” เป็นครั้งแรก คนไทยก็สมัครได้

หลังจากที่รอคอยกันมานานแสนนาน ในที่สุด ญีปุ่น ก็เตรียมออกวีซ่าสำหรับ “ดิจิทัล โนแมด” หรือกลุ่มคนที่สามารถทำงานทางไกลผ่านทางออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ โดยจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ อยุ่ในญี่ปุ่นได้นานสูงสุด 6 เดือน และจะเริ่มออกวีซ่าให้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

เรื่องนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับกลุ่ม ดิจิทัล โนแมด ทั่วโลก เพราะญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวต่างชาติ ซึ่งมีหลายคนอยากจะมาทำงานที่ญี่ปุ่น ไปพร้อมๆ กับการเดินทางท่องเที่ยว โดยในตอนนี้ ชาวต่างชาติกลุ่มนี้ สามารถขอวีซ่าประเภทพำนักระยะสั้นซึ่งไม่อนุญาตให้ทำงาน และอยู่ญี่ปุ่นได้นาน 90 วันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การขอวีซ่า “ดิจิทัล โนแมด” ของญี่ปุ่น ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างแรก ผู้สมัครจะต้องมีรายได้ต่อปี 10 ล้านเยนขึ้นไป หรือราว 2,400,000 บาท และมีพลเมืองจาก 49 ประเทศ เท่านั้น ที่ขอวีซ่าประเภทนี้ได้ ข่าวดีคือ มีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย  ผู้สมัครต้องมีประกันสุขภาพจากบริษัทเอกชน และเมื่อวีซ่าหมดอายุ หลังจากครบกำหนด 6 เดือน ก็จะไม่สามารถสมัครใหม่ได้ แต่ถึงแม้จะมีเงื่อนไขเยอะ แต่ทางการญี่ปุ่นคาดว่าจะมีผู้สมัครขอวีซ่าจำนวนมาก เพราะญี่ปุ่นเพิ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นศูนย์กลางการทำงานของ “ดิจิทัล โนแมด” ที่เติบโตรวดเร็วที่สุด เมื่อปีที่แล้ว โดยมีคนกลุ่มนี้ทำงานอยู่ในญี่ปุ่น ประมาณ 300,000 คน

นอกจากนักท่องเที่ยวแล้ว หลายประเทศทั่วโลก กำลังแข่งขันกันแย่งชิง คนทำงานกลุ่ม “ดิจิทัล โนแมด” ให้ย้ายไปทำงานในประเทศตัวเอง เพราะสร้างรายได้จำนวนมหาศาล โดยปีที่ผ่านมา คาดว่าคนกลุ่มนี้ สร้างรายได้ทั่วโลกประมาณ 800,000 ล้านดอลลาร์ หากเป็นในยุโรป ประเทศที่ได้รับความนิยมมากๆ คือ โปรตุเกส กับ สเปน เพราะขั้นตอนการขอวีซ่าไม่ยุ่งยาก ส่วนในเอเชีย ประเทศที่ได้รับความนิยม คือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย เพราะสะดวกสบาย และค่าครองชีพต่ำ

ความน่าสนใจของกลุ่ม “ดิจิทัล โนแมด” ก็คือประเทศที่ต้อนรับคนทำงานกลุ่มนี้ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะโดนพวกเขาแย่งงาน เพราะพวกเขาทำงานและรับเงินเดือนจากต่างประเทศ แต่การที่พวกเขาอาศัยอยู่ในประเทศของเรา แปลว่ารายได้ที่พวกเขารับจากต่างประเทศ จะถูกนำมาใช้ในประเทศโดยตรง และการที่พวกเขาอยู่เป็นเวลานานหลายเดือน หรืออาจจะนานกว่า 1 ปี ไม่เหมือนนักท่องเที่ยวที่มาอยู่แค่ไม่กี่วัน ทำให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศยาวนานขึ้น

ด้วยสาเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงตัดสินใจเริ่มทำวีซ่าให้กลุ่ม “ดิจิทัล โนแมด” เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเจอปัญหาเติบโตช้า และกำลังต้องการชาวต่างชาติ ให้เดินทางไปเที่ยว ไปเรียนหนังสือ และไปทำงานที่ญี่ปุ่นมากขึ้น