วันเสาร์ที่ 13 มกราคม ชาวไต้หวัน 23 ล้านคน จะเข้าคูหาเลือกตั้งเพื่อเลือกคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศคนใหม่ ต่อจาก ไช่ อิงเหวิน ที่เป็นประธานาธิบดีมาครบวาระ 8 ปีแล้ว ซึ่งผลการเลือกตั้งไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับคนไต้หวันเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของโลก เพราะผู้นำคนใหม่จะเป็นผู้กำหนดนโยบายและจุดยืนของไต้หวัน ว่าจะเป็นมิตรหรือต่อต้านจีน ที่พยายามรวมไต้หวันให้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของจีนให้ได้ แม้จะต้องใช้กำลัง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ส่งเครื่องบินรบและเรือรบเข้าใกล้น่านฟ้าและน่านน้ำไต้หวันแทบจะตลอดทั้งปี เพื่อเป็นการเตือนไต้หวัน ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือพรรค DPP ที่มีนโยบายต่อต้านจีน ว่าหากไต้หวันมีท่าทีประกาศตัวเป็นเอกราชจากจีนเมื่อไร จีนก็พร้อมที่จะใช้กำลังทหารตอบโต้ ในส่วนของการรวมชาติ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พูดย้ำอยู่เสมอว่า จีนพร้อมที่จะใช้กำลังทหารกับไต้หวัน หากจำเป็น
ตัวแทนในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันของพรรค DPP คือ ไหล ชิงเต๋อ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอยู่ในตอนนี้ เขาคือคนที่รัฐบาลปักกิ่งไม่ชอบหน้า เพราะเป็นคนที่ยั่วยุให้ไต้หวันแยกตัวเป็นเอกราชจากจีนอย่างออกนอกหน้า ถ้าหากว่า ไหล ชนะการเลือกตั้ง จะทำให้พรรค DPP ได้เป็นรัฐบาลเป็นวาระที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ไต้หวัน และน่าจะทำให้จีนกดดันไต้หวันหนักขึ้น ทั้งในแง่การทหารและเศรษฐกิจ ซึ่งหาก ไหล มีท่าทีแข็งกร้าวและยั่วยุจีนจนจีนทนไม่ไหว ก็มีความเสี่ยงที่จีนจะทำสงครามเต็มรูปแบบกับไต้หวัน
หากจีนโจมตีไต้หวัน คาดว่าสหรัฐฯ คงไม่นิ่งเฉย แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้จีนอย่างไร เพราะการปะทะกันระหว่างกองทัพจีนกับสหรัฐฯ หมายถึงหายนะของคนทั้งโลก โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย อย่างประเทศไทย ย่อมถูกกดดันให้เลือกข้างและสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าเราเลือกที่จะสนับสนุนฝ่ายไหน เราก็ได้รับความเสียหาย เพราะเศรษฐกิจของไทย ล้วนพึ่งพาการค้าขายกับจีนและสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
สงครามในช่องแคบไต้หวัน จะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของโลก เพราะช่องแคบไต้หวันเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลที่สำคัญ ตู้คอนเทนเนอร์เกือบครึ่งหนึ่งที่ส่งสินค้าระหว่างประเทศ ใช้ช่องแคบไต้หวันเป็นเส้นทางขนส่ง ถ้าหากเส้นทางนี้ถูกปิดกั้นเพราะการสู้รบ จะทำให้การผลิตสินค้าทั่วโลกต้องหยุดชะงัก และเกิดภาวะขาดแคลนสินค้าทั่วโลก
ไต้หวันเป็นแหล่งผลิตเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิป ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของอุปกรณ์อีเล็กโทรนิกส์ ตั้งแต่ ตู้เย็น พัดลม สมาร์ตโฟน รถยนต์ ไปจนถึงยานอวกาศ หากการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันได้รับผลกระทบจากสงคราม จะทำให้บริษัทอีเล็กโทรนิกส์ยักษ์ใหญ่ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ ขาดแคลนชิปที่จะใช้ผลิตสินค้าของตัวเอง สูญเสียรายได้จำนวนมหาศาล และมีคนตกงานทั่วโลก
หากจีน โจมตีไต้หวัน จะทำให้จีนถูกหลายชาติคว่ำบาตรด้านการค้า ซึ่งหลายหน่วยงานคาดการณ์ว่า จะทำให้มูลค่าการค้าทั่วโลก ลดลงถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3% ของ GDP ทั้งโลก
นักวิเคราะห์มีความเห็นที่แตกต่างกัน เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จีนจะใช้กำลังทหารโจมตีไต้หวัน บางคนมองว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก ที่จีนจะโจมตีไต้หวันท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่จีนกำลังเผชิญ บางส่วนก็มองว่า สุดท้ายแล้ว จีนก็ต้องใช้กำลังทหารในการรวมชาติกับไต้หวัน แต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน จะเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 พฤษภาคม ซึ่งคาดว่าในช่วงนี้ จีนจะเพิ่มการยั่วยุไต้หวัน เพื่อทดสอบว่าผู้นำคนใหม่จะมีท่าทีอย่างไร ซึ่งนี่จะเป็นความท้าทายของผู้นำคนใหม่ของไต้หวัน ว่าจะรักษาท่าทีกับจีนอย่างไร ไม่ให้แข็งกร้าว หรือโอนอ่อนต่อจีนมากเกินไป โดยไต้หวันต้องกล้าที่จะเผชิญหน้า และร่วมมือกับจีนไปพร้อมๆ กัน เพื่อรักษาความมั่นคงในภูมิภาค