จิตแพทย์แนะ 5 สิ่งที่ควรทำเมื่อมีอาการ "ซึมเศร้า"

ในยุคปัจจุบันมีผู้ที่ต้องเผชิญกับ "ภาวะซึมเศร้า"เพิ่มมากขึ้น จนมีความเป็นไปได้ ว่าถ้าคุณไม่ใช่ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า แต่คนรอบตัวคุณก็ต้องมีสักคนที่กำลังเผชิญกับอาการนี้แน่นอน

ล่าสุดที่สหรัฐมีการทำวิจัยของ Gallup Poll ที่ระบุว่า เกือบ 18% ของผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา หรือมากกว่า 1 ใน 6 ของประชากรผู้ใหญ่ ยอมรับว่าพวกเขามีอาการซึมเศร้าหรือกำลังเข้ารับการรักษาภาวะซึมเศร้า ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการในช่วงหลังเกิดโรคระบาดโควิด-19 คาดว่ามาจากการต้องแยกตัวจากสังคม ความเหงา ความกลัวการติดเชื้อ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ หรือการใช้สารเสพติด โดยส่งผลกระทบอย่างหนักในกลุ่มคนรุ่นใหม่

จิตแพทย์ชารลส์ ไรสัน ศาสตราจารย์ด้านนิเวศวิทยาของมนุษย์และจิตเวชศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน ผู้เคยเผชิญกับภาวะซึมเศร้าด้วยตนเองมาแล้ว ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะรักษาภาวะซึมเศร้าให้หายขาด การใช้ยาแก้ซึมเศร้าเช่น โปรแซค หรือที่รู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า ฟลูออกซีทีน อาจสามารถใช้รักษาเมื่อภาวะซึมเศร้าเกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมองได้ เป็นเหมือน "เครื่องช่วยชีวิต" สำหรับบางคน แต่มันไม่ได้ผลสำหรับทุกคน มีผู้ป่วยราวๆ 30% เท่านั้นที่ได้รับการตอบสนองจากยาแก้ซึมเศร้าอย่างเต็มที่

ไรสันระบุว่า นอกจากยาแล้ว วงการจิตแพทย์ยังมีความพยายามในการมองหาวิธีอื่นที่จะมารักษาภาวะซึมเศร้า แม้อาจจะเป็นวิธีที่ยากลำบากกว่าการกินยา แต่เขาก็แนะนำให้ทุกคนทดลองดูแลตัวเองด้วย 5 วิธีนี้
 

1. ยอมรับและขอความช่วยเหลือ
หากคุณกำลังรู้สึกหดหู่อย่างไม่หยุดยั้ง หมดความสนใจในชีวิต นอนไม่หลับ ไม่อยากอาหาร รู้สึกสิ้นหวัง กำลังมีความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ นั่นคือสิ่งที่เป็นภาวะซึมเศร้า เมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่เผชิญอยู่ การขอความช่วยเหลือเป็นสิ่งสำคัญ การได้พูดคุยและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต สามารถช่วยคุณได้ ไม่ว่าจะด้วยจิตบำบัดหรือการใช้ยาก็ตาม

2. ปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน
พยายามทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพของคุณจริงๆ เพราะสิ่งที่ดีต่อร่างกายก็ย่อมดีต่อสมอง ดังนั้น การออกกำลังกาย กินอาหารเพื่อสุขภาพ นอนหลับให้เพียงพอ และการได้รับแสงแดด  ก็นับเป็นยาแก้อาการซึมเศร้าเช่นกัน 

3. ใช้เวลากับคนใกล้ชิด
วิธีนี้อาจจะทำได้ยากเมื่อคุณยังตกอยู่ในห้วงของความซึมเศร้า แต่มันอาจเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุด หากคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนใกล้ชิด มีคนให้คอยเอาใจใส่ ห่วงใย และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันความรู้สึกด้านลบ และช่วยให้คุณเอาชนะภาวะซึมเศร้าได้อย่างแท้จริง
 

4. อย่ายอมแพ้
จงยืนหยัดในการขอความช่วยเหลือจากแพทย์ เพราะวิธีเดียวกันอาจไม่ได้ผลกับทุกคนเสมอไป บางคนใช้ยาซึมเศร้าแล้วดีขึ้นในสองสัปดาห์ ในขณะที่บางคนยังต้องต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง แต่ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีหนทาง เพียงแค่ต้องลองเปลี่ยนตัวยา หรือเปลี่ยนวิธีรักษา แต่สิ่งที่สำคัญคืออย่ากลัวที่จะก้าวต่อไป

5. มองโลกในแง่ดี
พยายามเรียนรู้ที่จะมีทัศนคติในการชื่นชมคุณค่าของสิ่งต่างๆรอบตัว ขอบคุณสิ่งดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวัน ชื่นชมคนรอบตัวที่ทำสิ่งดีๆเล็กๆน้อยๆให้ นี่อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่กำลังรู้สึกหดหู่ใจ แต่หากทำให้เป็นนิสัยได้ มันจะมีพลังมากทั้งในการป้องกันภาวะซึมเศร้า และช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ด้วย

หวังว่าทั้ง 5 วิธีนี้ จะช่วยให้คุณดูแลสามารถทำให้ทุกคนเยียวยาจิตใจให้กลับมารู้สึกดีขึ้นได้อีกครั้ง

ที่มา: Chasing Life Podcast