กรมศุลากรของจีนประกาศในวันพฤหัสบดี (24 สิงหาคม) ว่า จีนจะระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากทะเลทั้งหมดที่มาจากญี่ปุ่น ซึ่งอาจครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกเหนือจากอาหารทะเล เช่น เกลือทะเล และสาหร่าย โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในอาหารจากการปล่อยน้ำปนเปื้อนจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่น และคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคชาวจีน
การประกาศล่าสุดของจีนมีขึ้นหลังจากบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ คอมพานี หรือ เทปโก (TEPCO) ของญี่ปุ่น เริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อเวลา 13.03 น. ของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยคาดว่า กระบวนการกำจัดน้ำปนเปื้อนทั้งหมด 1.34 ล้านตันจะใช้เวลาอย่างน้อย 30 ปี
ก่อนหน้าการประกาศแบนผลิตภัณฑ์จากทะเลของญี่ปุ่นทั้งหมด จีนประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมห้ามนำเข้าอาหารทะเลจาก 10 จังหวัดในญี่ปุ่นรวมถึงฟุกุชิมะ หลังจากญี่ปุ่นยืนยันเดินหน้าแผนปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล เมื่อแผนดังกล่าวผ่านการรับรองจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล
กระทรวงต่างประเทศจีน แถลงล่าสุดว่า การทิ้งน้ำเสียลงทะเลเป็นการสร้างความเสี่ยงไปทั่วทั้งโลก และสร้างความเจ็บปวดถึงมนุษยชาติรุ่นต่อไปในอนาคต และผู้ใช้โซเชียลมีเดียในจีนโพสต์ระบายความโกรธแค้นเกี่ยวกับเรื่องนี้จนแฮชแท็กมียอดอ่านกว่า 800 ล้านครั้งในเวบไซต์เวยโป๋ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ขณะเดียวกันมีผู้ประท้วงหลายสิบคนชุมนุมในย่านการเงินของฮ่องกง ตะโกนต่อต้านการทิ้งน้ำเสียจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะลงทะเล และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ลาออก รวมทั้งชูภาพคิชิดะในกรอบเหมือนภาพที่ใช้ในพิธีศพ และรัฐบาลฮ่องกงเริ่มบังคับใช้มาตรการห้ามนำเข้าอาหารทะเลจาก 10 จังหวัดของญี่ปุ่นในวันเดียวกัน
ด้านนายกรัฐมนตรีฮัน ดัก ซู ของเกาหลีใต้ แถลงในวันพฤหัสบดีเรียกร้องให้ญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสด้วยความรับผิดชอบเกี่ยวกับการปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะใช้เวลาอย่างน้อย 30 ปี และบอกด้วยว่า แม้อยากให้หลีกเลี่ยงการปล่อยน้ำปนเปื้อน แต่ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกเห็นตรงกันว่า ประชาชนไม่ควรกังวลเกินเหตุ เขาให้ความมั่นใจด้วยว่า ทั้งสองประเทศตกลงตั้งสายด่วนระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานการทูตเพื่อแบ่งปันข้อมูลอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับสถานการณ์ผิดปกติของการปล่อยน้ำลงทะเล
ส่วนนักเคลื่อนไหวด้านพลเมืองและสิ่งแวดล้อมจัดการชุมนุมประท้วงทั่วเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงเมืองปูซาน, กวางจู และเกาะเชจู เพื่อเรียกร้องให้ญี่ปุ่นยกเลิกแผนการปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล และสหภาพแรงงานเกาหลี กล่าวหาว่า ญี่ปุ่นใช้วิธีที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดในการกำจัดน้ำเสีย และเจ้าของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะให้ความสำคัญกับผลกำไรมากกว่าชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังมีนักศึกษา 16 คนถูกจับกุมขณะพยายามบุกเข้าไปในสถานทูตญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของอาคารหลังหนึ่งในกรุงโซลระหว่างการชุมนุมประท้วงที่มีการตะโกนประณามการปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล
ขณะเดียวกันผู้ประท้วงชาวญี่ปุ่นหลายสิบคนรวมตัวที่ด้านนอกสำนักงานของเทปโกในกรุงโตเกียว เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล โดยการชุมนุมใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง มีการตะโกนประท้วงและเรียกร้องให้เทปโกหาวิธีอื่นแทนการปล่อยน้ำลงทะเล โดยอาจเก็บไว้ในถังต่อไป