
เพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา ที่มีคนติดตาม 14 ล้านคน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เป็นภาษาอังกฤษเมื่อวานนี้ (22 กรกฎาคม 2566) ยินดีต่อความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของสองประเทศ (กัมพูชาและไทย) ที่ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันเดียวกัน และเขาจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาอีกต่อไป เขายังแสดงความยินดีต่อนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้รับการรับรองจากรัฐสภาไทย ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหวังว่านายกรัฐมนตรีใหม่ทั้งสองคน จะสื่อสารกันเพื่อเพิ่มความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศขึ้นเป็นสองเท่า
แม้จะขจัดขวากหนามทางการเมือง จนการส่งต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้พลเอกฮุน มาเนต บุตรชายคนโต ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ก็ไม่วายเกิดกระแสข่าวลือถึงความไม่ลงรอยในครอบครัวของเขา โดยเฉพาะบุตรชายทั้ง 3 ได้แก่ ฮุน มาเนต, ฮุน มานิตและฮุน มาณี
เป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนจะลงเล่นการเมือง ฮุน มาเนต เพิ่งจะได้รับการประดับยศเป็นนายพล 4 ดาว กุมตำแหน่งสำคัญในกองทัพกัมพูชา (Royal Cambodian Army) หรือ RCA ฮุน มานิต บุตรชายคนที่ 2 ก็เป็นทหารเหมือนกัน มียศพันโทและดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรอง มีเพียงฮุน มาณี บุตรชายคนที่ 3 ที่ลงเล่นการเมืองเต็มตัว ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดกำปงสปือ สังกัดพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People's Party) หรือ CPP ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเขาเป็นตัวเก็ง ที่จะได้รับการสืบทอดอำนาจทางการเมืองต่อจากบิดา
เมื่อสถานการณ์พลิก ฮุน มาเนต ตัดสินใจละทิ้งอาชีพทหารหันมาลงเล่นการเมือง และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขตในกรุงพนมเปญ ส่วนบิดาก็หนุนสุดตัว ยอมวางมือส่งไม้ต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้อย่างง่ายดาย ส่วนฮุน มาณี ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงราชการ จึงเกิดข่าวลือว่าฮุน มาณี อาจไม่พอใจที่พี่ชายแซงหน้าคว้าตำแหน่งสำคัญไป
เมื่อกระแสข่าวลือเริ่มหนาหูขึ้น ทำให้ฮุน เซน ต้องถือโอกาสในวันที่บุตรชายสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง สยบข่าวลือด้วยการแถลงข่าวที่รัฐสภาว่า
"พวกเขาพูดกันว่า มีการชิงดีชิงเด่นกันในหมู่ลูกชายทั้ง 3 ของผม โดยเฉพาะการไม่ลงรอยกันระหว่างฮุน มาเนตกับฮุน มาณี ผมคิดว่าครอบครัวของพวกเขาชิงดีชิงเด่นกัน ก็เลยคิดว่าครอบครัวของผมจะเป็นแบบเดียวกัน"
เขาบอกด้วยว่า
"ลูกชายทั้งสองของผม มานิตกับมาณีจะไม่ยอมรับตำแหน่งที่สูงกว่ามาเนต นั่นคือเรื่องจริง"
ฮุน เซน พูดถึงระบบอาวุโสในครอบครัวด้วยว่า
"ในแง่ของวินัยในครอบครัว โดยปกติพ่อกับลูกชายคนโตจะดูแลครอบครัว และความรับผิดชอบจะตกเป็นของลูกคนที่ 2 หรือ 3 ก็ต่อเมื่อลูกชายคนโตติดยาหรือไร้ความสามารถ"
เขายืนยันด้วยว่า ฮุน มาเนต ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันทั้งในครอบครัว พรรค และประชาชน
ฮุน เซน ได้ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างมั่นใจ หลังปกครองประเทศมายาวนานถึง 38 ปี โดยเปิดทางให้บุตรชาย หลังพรรค CPP คว้าชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเขาบอกว่า "ตอนนี้มาเนตได้รับการสนับสนุนทั้งจากครอบครัวและสังคม โดยได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 82% ที่ลงคะแนนให้พรรค CPP ที่รวมถึงคะแนนที่โหวตให้มาเนตเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เราได้ประกาศตัวแคนดิเดต 2 คน คือ ฮุน เซน กับฮุน มาเนต และประชาชนต่างก็ตระหนักดีว่า มาเนตจะเป็นผู้สืบทอด