svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สื่อฮ่องกงตีแผ่ 'อาณาจักรต้มตุ๋น' ระดับสหประชาชาติ

สื่อฮ่องกง South China Morning Post เสนอรายงานเอ๊กซ์คลูซีฟใน This Week in Asia ที่รวบรวม Top Story ประจำสัปดาห์ และจัดทำร่วมกับ Pulitzer Center เจาะลึกและตีแผ่ศูนย์กลางอาชญากรรมในเมียนมา ที่กุมบังเหียนโดยชาวจีน และเหิมเกริมขู่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อว่า "เราฆ่าคุณได้ที่นี่"

ตั้งแต่ ชเว ก๊กโก่ (Shwe Kokko) จนถึง KK Park คืออาณาจักรอาชญากรรมที่โหดร้ายที่กระจายอยู่ทั่วแม่น้ำเมย ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติคั่นระหว่างเมียนมากับประเทศไทย พวกผู้รอดชีวิตที่ติดกับดัก "สัญญาจ้างงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย" ให้สัมภาษณ์ ซึ่งเป็นเซคชั่นรวบรวมว่า ที่นั่นเป็นแหล่งรวมการค้ามนุษย์ การทรมาน และการถูกบังคับให้ฉ้อโกงคนแปลกหน้าทางออนไลน์

(รายงานได้ใช้ชื่อสมมติให้เหยื่อ และไม่ได้ระบุรายละเอียดบางอย่างเพื่อปกป้องแหล่งข่าว)

"วิ่ง!" เป็นคำแนะนำเดียวที่ "พี่เลี้ยง" บอกชาวฟิลิปปินส์ 2 คน คือ แม็กซ์กับเจน ที่นำไปสู่การสิ้นสุดภาวะจำยอมของการเป็นสแกมเมอร์ทางออนไลน์ในเมียนมานานถึง 6 เดือน ในวันที่ได้รับอิสรภาพ ทั้งคู่นั่งตัวสั่นอยู่ที่โรงนาแห่งหนึ่งชานอำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นเขตชายแดนไทยที่เดียวกันกับที่พวกเขาพาผ่านแดนเข้าไปยังเมียนมาเมื่อปีที่แล้ว พวกเขายังจำความเครียดขั้นสุด ตอนที่นั่งเรือข้ามแม่น้ำกลับออกมาจากเมียนมาอย่างปลอดภัย 

สื่อฮ่องกงตีแผ่ 'อาณาจักรต้มตุ๋น' ระดับสหประชาชาติ

เจนเล่าว่าเมื่อข้ามมาถึงฝั่งไทย พี่เลี้ยงได้บอกพวกเธอสิ่งเดียวที่ต้องทำคือ "วิ่ง" ซึ่งพวกเธอก็ตามโดยมีกระเป๋าสัมภาระอยู่ในมือ ส่วนแม็กซ์ยังคงตัวสั่นและปล่อยให้เจนเป็นคนเล่าประสบการณ์อันโหดร้าย

ทั้งคู่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังต่างคนต่างมาจากฟิลิปปินส์ คนหนึ่งมาเมื่อเดือนธันวาคม อีกคนมาเดือนมกราคม เพราะหลงเชื่อโฆษณาหางานรายได้ดีในประเทศไทย แต่พวกเขากลับถูกพาไปที่แม่สอด ที่ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 500 กิโลเมตร และข้ามแม่น้ำเมยไปยังเมียนมา ก่อนถูกบังคับให้ทำหน้าที่หลอกลวงเป้าหมายที่เป็นชาวยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยมีผู้คุมเป็นอาชญากรชาวจีนที่เรียกว่า "บอส" (Boss) 

ในวันที่พวกเขาหนีออกมาได้ก็พบว่า เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำบาดแผลจากการถูกทุบตี และการแบกรับความรู้สึกผิดที่ต้องหลอกลวงผู้คน ที่เป็นการจำใจทำเพราะไม่มีทางเลือก 

สื่อฮ่องกงตีแผ่ 'อาณาจักรต้มตุ๋น' ระดับสหประชาชาติ

ยังมีเหยื่ออีกหลายพันคนที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน จากมาเลเซีย ไต้หวัน อินเดีย อินโดนีเซีย เคนยาและเนปาล เพียงเพราะหวังอยากได้งานที่ค่าตอบแทนสูง แต่กลับต้องไปติดอยู่ในวังวนของการหลอกลวงทางไซเบอร์ เป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี ส่วน "บริษัทกำมะลอ" ที่เจนกับแม็กซ์ถูกหลอกไปทำงาน เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนกว่าโหลที่เฟื่องฟูอยู่ตลอดแนวแม่น้ำที่ยาว 40 กิโลเมตร ในเมืองเมียวดีของรัฐกะเหรี่ยง ที่เป็นเครือข่ายสแกมที่เราเรียกกันคุ้นปากว่า "คอลเซ็นเตอร์" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีชาวจีนเป็นผู้ควบคุม 

เมื่อปีที่แล้วเครือข่ายสแกมเมอร์ในกัมพูชา ถูกเปิดโปงหลังจากมีรายงานเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงานและการทรมานอย่างเป็นระบบ ฟิลิปปินส์ก็ไม่น้อยหน้า มีบทบาทในฐานะศูนย์กลางการหลอกลวงรายใหญ่ ซึ่งเมื่อปลายเดือนมิถุนายนมีการจู่โจมศูนย์สแกมเมอร์ที่ดำเนินการโดยชาวจีน ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา ช่วยคนที่ถูกหลอกมากกว่า  2,700 คน ขณะที่ สปป.ลาว มีอาณาจักรของสแกมเมอร์อยู่ใน "เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ" อันฉาวโฉ่  

เมียนมาไม่เหมือนประเทศอื่น เครือข่ายอาชญากรรมที่โหดร้ายยังคงไม่ได้รับการตรวจสอบ โดยมีแรงหนุนจากความไม่สงบภายในประเทศ ที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2564 ทั้งยังดำเนินการโดยพันธมิตรระหว่างอาชญากรชาวจีนและกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่น ที่อยู่นอกเหนือการบังคับใช้กฎหมายจากภายนอก, ภาคประชาสังคมและสื่อ  

สื่อฮ่องกงตีแผ่ 'อาณาจักรต้มตุ๋น' ระดับสหประชาชาติ

รายงานเอ็กซ์คลูซีฟ This Week in Asia ได้พูดคุยกับแรงงานทั้งในอดีตและปัจจุบัน 18 คน จาก 7 ประเทศ ที่ถูกหลอกไปเป็นสแกมเมอร์ พวกเขาถูกลักลอบพาข้ามไปยังเมียวดีระหว่างปีที่แล้วจนถึงปีนี้ ซึ่งนอกจากถูกบังคับให้ลอกลวงคนแปลกหน้าแล้ว ยังถูกทำร้ายทางร่างกายและจิตใจเพื่อป้องกันการหลบหนี 

เจสัน ทาวเวอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายติดตามสถานกาณ์ความขัดแย้งในประเทศเมียนมา ของ United States Institute of Peace หรือ USIP ให้ความเห็นว่า มันคือ "การหลอกลวงแห่งสหประชาชาติ" มีนักต้มตุ๋นที่ถูกลักลอบนำมาจากประเทศต่าง ๆ มาบังคับใช้แรงงาน ถ้ามีรายงานออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า มีคนสัญชาติจีนเกี่ยวข้องกับการต้มตุ๋น ก็จะเป็นการเสียหน้าอย่างมโหฬารของรัฐบาลจีน 

การเข้าและออกอาณาจักรอาชญากรรมส่วนใหญ่ใช้ผ่านชายแดนไทย-เมียนมา โดย เจรัลดีน แอนซาร์ท หัวหน้าฝ่ายภารกิจขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานประจำประเทศไทย (International Organization for Migration Chief of Mission) บอกว่าได้รับรายงานจำนวนมากที่อ้างอิงการค้ามนุษย์ ที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2565 ที่ถือว่าเป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็ง

สื่อฮ่องกงตีแผ่ 'อาณาจักรต้มตุ๋น' ระดับสหประชาชาติ

อุตสาหกรรมแห่งการต้มตุ๋นนี้มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และใช้เงินที่ขโมยมาได้มาจ่ายให้กับเว็บไซต์ปลอม นายหน้าที่หลอกล่อเหยื่อรายใหม่ และเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตที่เปิดพรมแดนให้กับคนที่ปรารถนาจะได้งานทำ เช่น กรณีของเจนที่คิดว่าจะได้งานที่ Amazon ซึ่งเธอเคยเป็นพนักงานตอนที่อยู่ที่ฟิลิปปินส์ และหลงเชื่อสนิทใจเพราะใช้อีเมลจริงของบริษัท คนที่รับสมัครได้จัดการจองตั๋วเครื่องบินมายังประเทศไทย แต่หลังจากนั้นกลับกลายเป็นการถูกพาไปที่ KK Park

มันไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ตอนที่ไปขึ้นรถที่ถูกใช้บรรทุกสิ่งของหลายชนิด เช่น ผ้าอ้อม เวเฟอร์ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มรังนกไปลงเรือ สินค้าบางส่วนถูกส่งไปยังบริเวณอีกฟากของแม่น้ำในเมียวดี ที่ถูกระบุว่าเป็นที่ตั้งของ "บริษัทการพนันออนไลน์ของจีน" ที่มีชื่อว่า Family Park 

เหยื่อที่เป็นชายชาวอินโดนีเซีย 3 คน ที่ถูกขังอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 5 เดือน เมื่อต้นปีนี้ เล่าว่ามีคนงานประมาณ 2,000 คนอยู่ข้างใน และก่อนที่ยอมทำงานต้มตุ๋นทางออนไลน์ ก็ต้องอดทนต่อการถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง เช่น การบังคับวิ่งท่ามกลางความร้อนในตอนกลางวัน ถูกทุบตีและถูกใช้ไฟฟ้าช็อต คนงานประมาณ 20 คน ถูกขังไว้ในห้องที่ปิดล็อก ได้รับอาหารวันละ 1 มื้อ และแต่ละวันจะมีการ์ดเข้ามาต่อย เอาไฟฟ้าช็อตหรือเอาไม้มาตี 

สื่อฮ่องกงตีแผ่ 'อาณาจักรต้มตุ๋น' ระดับสหประชาชาติ

KK Park Zone เป็นคอมเพล็กซ์ที่มีหลังคาสีแดง เป็นแหล่งการค้ามนุษย์และการทรมานทั้งยังมีข่าวลือเรื่องการค้าอวัยวะด้วย เจนกับแม็กซ์ถูกบังคับให้ทำงานที่อาคาร 4 ชั้น ที่มีชื่อว่า KK I โดยทำหน้าที่เป็นสแกมเมอร์กับคนอื่นอีก 15 คน และต้องทำงานวันละ 12-14 ชั่วโมง และต้องทำให้ได้เป้าวันละ 25,000 ดอลลาร์

นอกจากพวกเขายังมีคนอีกราว 300 คน ทำหน้าที่แตกต่างกันไป เช่น หาเหยื่อหรือ "ทำเครื่องหมาย" บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และมีส่วนร่วมในการต้มตุ๋น เจนบอกด้วยว่า มีการแบ่งเป็นทีมและเธออยู่ทีม "เชือดหมู" (pig butchering) ที่หมายถึงการหลอกเหยื่อให้รักก่อนดูดเงินจนหมดบัญชี ถ้าไม่ทำตามก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก ซึ่งมีบางวันที่ทีมต่าง ๆ หลอกเงินเหยื่อได้รวมกันถึง 200,000 ดอลลาร์ 

นอกจากการต้มตุ๋นแล้ว ในอาณาจักรอาชญากรรมแห่งชเว ก๊กโก่ ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม คาสิโน และพื้นที่เดียวกันกับที่ไทยตัดไฟไปก่อนหน้านี้เพราะฝ่ายเมียนมาไม่ต่อสัมปทาน

สื่อฮ่องกงตีแผ่ 'อาณาจักรต้มตุ๋น' ระดับสหประชาชาติ