ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้อนุมัติการส่งอาวุธ 'ระเบิดพวง' หรือระเบิดลูกปราย ไปยังยูเครน ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนอาวุธครั้งล่าสุดของสหรัฐฯนับตั้งแต่เกิดสงคราม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนยันผ่านการสัมภาษณ์สื่อเมื่อวันศุกร์ว่า มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากในส่วนของเขา อย่างไรก็ตาม เขาได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กับพันธมิตรของสหรัฐฯแล้ว และที่สำคัญคือกระสุนของยูเครนกำลังจะหมด ทำให้ไบเดนมองว่าการสนับสนุนจากสหรัฐคือเรื่องจำเป็น
โดยระเบิดพวงที่สหรัฐฯ จะส่งไปยังยูเครน มีลักษณะคล้ายกระบอกที่บรรจุลูกระเบิดขนาดเล็กหลายสิบถึงหลายร้อยลูก หรือที่เรียกว่ากระสุนลูกปราย สามารถทิ้งจากเครื่องบิน ยิงจากขีปนาวุธ หรือยิงจากปืนใหญ่ก็ได้ เมื่อมันถูกยิงไปยังเป้าหมาย ลูกระเบิดข้างในจะกระจายออกไปทั่วบริเวณ เพื่อสังหารทหารจำนวนมาก หรือทำลายยานเกราะของศัตรู ซึ่งระเบิดพวงชุดนี้จะสามารถติดตั้งได้กับปืนครกขนาด 155 มม. ที่สหรัฐฯ เคยจัดหาให้ก่อนหน้านี้ และเป็นปืนใหญ่ชิ้นสำคัญที่ทำให้ยูเครนได้รับชัยชนะยึดคืนดินแดนบางส่วนได้ในช่วงปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ระเบิดพวง เป็นอาวุธสงครามที่ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกต่อต้านอย่างหนัก ถึงความไม่เหมาะสมในการใช้งาน เนื่องจากความรุนแรงของกระสุนลูกระเบิดที่กระจายตัวออกเป็นวงกว้าง อาจทำอันตรายต่อผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสู้รบ รวมถึงกรณีที่กระสุนดังกล่าวไม่ระเบิดทันที กลายเป็นกับดักระเบิดฝังในดิน เช่นเดียวกับกรณีของลาวและเวียดนามที่ประชาชนรุ่นหลังยังต้องเผชิญอันตรายจากกระสุนที่ยังไม่ระเบิดเหล่านี้ แม้ผ่านส่งครามมานานกว่า 50 ปีแล้ว
ขณะที่ทั่วโลกยังจับตาไปที่การประชุมสุดยอดขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ในเมืองวิลนีอุสของลิทัวเนีย ที่จะเริ่มขึ้นในวันจันทร์นี้ คาดว่าจะมีการพูดคุยถึงการเป็นสมาชิกภาพของสวีเดนที่ยังรอการเปิดทางจากตุรกี รวมถึงอาจมีโอกาสในการหยิบยกประเด็นการขอเข้าร่วมนาโต้ของยูเครนขึ้นมาหารือกันด้วย
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เดินทางถึงกรุงอิสตันบูลในวันศุกร์ (7 กรกฎาคม) เพื่อพบกับประธานาธิบดี เรเจป ไทยิบ แอร์โดอัน ของตุรกี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตุรกีระบุว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือเกี่ยวกับการขยายศักยภาพของข้อตกลงธัญพืชในช่วงสงคราม ที่อนุญาตให้ส่งออกธัญพืชของยูเครนอย่างปลอดภัยผ่านทะเลดำ