นาเฮล เอ็ม เชื้อสายแอลจีเรีย วัย 17 ปี ถูกตำรวจจ่อยิงผ่านกระจกหน้าต่างรถในระยะเผาขน หลังถูกเรียกหยุดตรวจและพยายามขับหนีในย่านนองแตร์ของกรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ซึ่งเป็นเหตุการณ์วิสามัญระหว่างการเรียกหยุดตรวจครั้งที่ 3 ในปีนี้ ขณะที่ในปีที่แล้วมีเหยื่อเสียชีวิต 13 ราย
ตำรวจที่ยิงนาเฮลถูกสอบสวนในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเนื่องจากบันดาลโทสะ (voluntary homicide) แต่ทนาย ยืนยันว่า ลูกความใช้ปืนภายใต้อำนาจของกฎหมาย ฐานกฎหมายที่อนุญาตให้ตำรวจใช้ปืน
ภายใต้กฎหมายอาญาฉบับแก้ไขปี 2017 กำหนดเงื่อนไขในการใช้อาวุธปืนของตำรวจใน 5 สถานการณ์ ได้แก่
-เมื่อความปลอดภัยของชีวิตหรือร่างกายของพวกเขา หรือชีวิตของบุคคลอื่น ตกอยู่ในอันตราย
-เมื่อสถานที่หรือประชาชนที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองถูกโจมตี
-เมื่อพวกเขาไม่สามารถสกัดกั้นบางคนที่อาจคุกคามต่อชีวิตหรือร่างกายของพวกเขาหรือบุคคลอื่น ไม่ให้หลบหนี
-เมื่อพวกเขาไม่สามารถหยุดรถของคนขับที่เพิกเฉยต่อคำสั่งให้หยุด และผู้โดยสารในรถมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของชีวิตหรือร่างกาย หรือของคนอื่นด้วย ซึ่งเงื่อนไขนี้เพิ่มขึ้นใหม่ในปี 2017
-ถ้ามีเหตุอันควรให้เชื่อว่า จะป้องกันการฆาตกรรมหรือการพยายามฆ่าได้
จุดเริ่มต้นของการแก้ไขกฎหมายประเด็นใช้อาวุธปืนของตำรวจปี 2017
ในปี 2016 ตำรวจนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากแผลไฟไหม้รุนแรงและอยู่ในขั้นโคม่า หลังกลุ่มวัยรุ่นขว้างระเบิดใส่รถสายตรวจของเขา ทำให้สหภาพตำรวจประท้วงและเรียกร้องให้มีการคุ้มครองตำรวจ ที่เผชิญความรุนแรงมากขึ้น และแบร์กนา กาเซอเนิฟ รัฐมนตรีมหาดไทยในขณะนั้นผลักดันแก้ไขกฎหมายในประเด็นการใช้อาวุธปืนของตำรวจ และผ่านมาตรา 435-1 ของประมวลกฎหมายอาญาในเดือนมีนาคม 2017 ที่อนุญาตให้ตำรวจใช้ปืนได้ เมื่อผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้หยุดรถเพื่อตรวจ
เสียงวิจารณ์ต่อกฎหมายประเด็นอาวุธปืน
ในปีที่แล้วมีการศึกษาพบว่า เหตุการณ์ตำรวจยิงผู้ขับขี่ยานยนต์ขณะแล่นอยู่เพิ่มขึ้น 5 เท่านับจากการแก้ไขกฎหมาย โดยในปีที่แล้วมีประชาชนถูกตำรวจยิงเสียชีวิต 39 ราย ซึ่ง 13 รายถูกยิงเพราะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งให้หยุดรถ และนักวิจารณ์ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากมาตรา 435-1 ที่มีความคลุมเครือมากเกินไปทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตัดสินใจว่า ผู้ขับขี่ไม่ยอมหยุดรถเป็นความเสี่ยงหรือไม่
เหตุการณ์วิสามัญนาเฮลรายล่าสุดจุดชนวนเสียงวิจารณ์และเสียงเรียกร้องอีกครั้งให้แก้ไขหรือยกเลิกมาตรานี้ และหัวหน้าพรรคการเมืองแนวคิดซ้ายจัดพรรคหนึ่ง เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรานี้ ที่ถูกเรียกว่า “ใบอนุญาตฆ่า” และปฏิรูปตำรวจตั้งแต่รากฐาน
รัฐบาลและตำรวจปกป้องกฎหมายอาวุธปืน
เฌราล์ด ดาร์มาแนง รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวตอบโต้เสียงวิจารณ์เรื่องกฎหมายปืนในขณะนี้ และยืนยันว่า มีประชาชนถูกวิสามัญน้อยลงนับจากปี 2017 และกาเซอเนิฟ อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาปกป้องกฎหมายว่า ไม่ได้อนุญาตให้ตำรวจยิงเมื่อใดก็ได้ และกฎหมายไม่ควรถูกกล่าวโทษสำหรับการขาดความเป็นมืออาชีพหรือขาดการฝึกฝนของตำรวจ
นอกจากนี้รองเลขาธิการสหภาพตำรวจ ชี้ว่า การใช้ปืนของตำรวจในเหตุการณ์ล่าสุด น่าจะอยู่ในเงื่อนไขกรณีผู้ขับขี่รถไม่ยอมหยุดให้ตรวจ และสร้างความเสี่ยงแก่ผู้อื่น หากพยายามหนี
สถิติการวิสามัญในฝรั่งเศสเทียบกับประเทศอื่น
ตามข้อมูลของ IGPN ที่เป็นหน่วยงานตรวจสอบตำรวจของฝรั่งเศส ระบุว่า ในปี 2021 มีผู้เสียชีวิต 37 ราย ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ซึ่ง 10 รายถูกยิง หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 0.5 ต่อประชาชน 1 ล้านคน
แต่ลักษณะการบันทึกสถิติของแต่ละประเทศแตกต่างกัน จึงเปรียบเทียบได้ยาก เช่น การเสียชีวิตของเหยื่อเกิดขึ้นขณะปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจหรือหลังจากนั้น เป็นต้น
ขณะที่ในสหรัฐฯ มีอัตราเกือบ 3.5 ต่อ 1 ล้านคน และแคนาดา เกือบ 1.5 ต่อ 1 ล้านคน