
ทำเนียบประธานาธิบดีเบลารุส เผย ประธานาธิบดีลูกาเชนโกเจรจาไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง ทำให้เยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำกลุ่มนักรบรับจ้าง “แวกเนอร์” ยอมยุติความพยายามกก่อกบฏ หลังสามารถเคลื่อนกองกำลังเข้าใกล้กรุงมอสโกในระยะ 200 กิโลเมตรแล้วเมื่อวันเสาร์ และตกลงจะลี้ภัยไปเบลารุส เพื่อแลกกับการที่รัฐบาลรัสเซียจะยกเลิกการดำเนินคดีทางอาญากับพริโกซิน และนักรบแวกเนอร์จะต้องถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ
แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า พริโกซินอยู่ที่ใด และยังไม่อาจยืนยันได้ว่า เขาเข้าไปในเบลารุสแล้วหรือไม่ นอกจากนี้เขายังไม่ออกมาให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวข้อตกลงนี้ โดยภาพสุดท้ายเห็นเขานั่งอยู่ในรถยนต์ที่วิ่งออกจากเมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน ที่แวกเนอร์สามารถยึดได้ในคืนวันเสาร์ และจับมือทักทายฝูงชนที่รุมล้อม
ทำเนียบเครมลิน ชี้แจงข้อสงสงสัยว่า ทำไมถึงต้องเป็นผู้นำเบลารุสในการไกล่เกลี่ยครั้งนี้ โดยบอกว่า ประธานาธิบดีลูกาเชนโกรู้จักพริโกซินเป็นการส่วนตัวมานานเกือบ 20 ปี และประธานาธิบดีปูตินเห็นด้วยกับข้อตกลงที่เกิดขึ้น
แต่บทบาทของลูกาเชนโกครั้งนี้กลับถูกตั้งข้อสังสัย เพราะที่ผ่านมาลูกาเชนโกถูกมองว่าเป็นหุ่นเชิดหรือลูกไล่ของปูติน และเบลารุสต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัสเซีย โดยในช่วงที่ลูกาเชนโกเผชิญการประท้วง ปูตินก็จัดสรรเงินกู้แก่เบลารุสมากถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ และเมื่อรัสเซียเปิดฉากสงครามในยูเครน เบลารุสก็ยอมให้รัสเซียใช้ดินแดนเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร ทำให้เบลารุสเผชิญการโดดเดี่ยวและมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปด้วย
ดังนั้นลูกาเชนโกจะได้ประโยชน์อะไรจากการยุติความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลรัสเซียและแวกเนอร์ และเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่า พริโกซินจะยอมหนีไปเบลารุส และปูตินจะไม่สามารถเจรจาข้อตกลงด้วยตัวเอง รวมทั้งการเชิดชูว่า ลูกาเชนโกเป็นผู้คลี่คลายวิกฤตได้ จะยิ่งทำลายภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีปูติน ผู้นำที่มีความเด็ดเดี่ยว
นอกจากนี้ลูกาเชนโก พึงตระหนักว่า ปูตินและพวกพ้องจะยังอยู่ในอำนาจได้ยาวนานแค่ไหน ในเมื่อความพยายามก่อกบฏของแวกเนอร์ ที่สามารถเคลื่อนกำลังเข้าใกล้เมืองหลวงได้อย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นว่า ปูตินไม่สามารถควบคุมทุกสิ่ง และอำนาจของเขาเปราะบางกว่าที่คิด