
บรรดานักวิเคราะห์ฝั่งตะวันตก พากันลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ควรเตรียมพร้อมรับ "อันตรายที่ใหญ่หลวงและคาดเดาไม่ได้" ถ้าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ถูกแทนที่ ท่ามกลางความวิตกว่ารัสเซียจะกลายเป็นฟาสซิสต์เต็มตัวหรือไม่ แต่ก็ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่าทำไม เยฟเกนี พริโกซิน ผู้นำกองกำลังทหารรับจ้าง "แวกเนอร์" ถึงลี้ภัยไปเบลารุสที่เป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกับปูติน "ทั้งที่ก่อกบฎ" มีอะไรที่ลับ ลวง พราง ยิ่งกว่าภาพที่เห็นและเป็นอยู่หรือไม่
สถานการณ์ที่ล่อแหลมเกิดขึ้นเป็นเวลา 36 ชั่วโมง ตามด้วยคำถามที่ว่า ถึงเวลาสิ้นสุดการปกครองของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แล้วหรือไม่ ซึ่งคำตอบนี้ยังคงคลุมเครือเพราะเยฟเกนี พริโกซิน ผู้ก่อตั้งกอง
ทหารรับจ้างแวกเนอร์ ภายใต้ชื่อ Wagner Private Military Company (PMC) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องฝีมือฉกาจฉกรรจ์ ทำท่าเหิมเกริมอย่างมากในการนำทหารรับจ้างในสังกัด เดินทัพเข้าสู่กรุงมอสโกโดยอ้างความไม่พอใจที่ทหารของตัวเองถูกถล่มด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ แต่อีกแค่ 200กิโลเมตร ก็จะถึงประตูเมืองเขากลับยกเลิกกะทันหัน โดยอ้างว่าไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือด ส่วนทางทำเนียบเครมลินก็แถลงว่า ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ของเบลารุส ได้ทำหน้าที่กาวใจ สมานรอยร้าวไกล่เกลี่ยจนพริโกซินกลับใจ ขอลี้ภัยไปอยู่ในเบลารุสแทน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนส่วนสำคัญของจิ๊กซอว์หายไป โดยเฉพาะพริโกซิน เขาคิดว่าการยกพลขึ้นเหนือไปมอสโกมันง่ายอย่างนั้นหรือ และที่กลับใจก็เพราะยอมรับว่า การเข้าเมืองหลวงจะทำให้ทหารของเขาตกเป็นเป้านิ่ง ต่อให้กองทัพรัสเซียอ่อนแออยู่ก็ตาม หรือเป็นเพราะทหารรัสเซียไม่ได้เข้าร่วมตามจำนวนที่ตั้งเป้าเอาไว้ หรือการสนับสนุนไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ จนปฏิบัติการต้องสิ้นสุดในเวลาเพียง 36 ชั่วโมงเท่านั้น
ตอนแวกเนอร์เคลื่อนพล ฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียได้เตรียมรับมือกับพวกเขา โดยตั้งจุดตรวจพร้อมกับรถหุ้มเกราะ และระดมกองกำลังบริเวณทางตอนใต้ของกรุงมอสโก กับทหารเชเชนประมาณ 3,000 นาย จากสมรภูมิในยูเครนมาเตรียมรับมือ ทั้งยังส่งไปที่จุดตรวจบริเวณชานเมืองตอนใต้ของกรุงมอสโก และมีการขุดบางส่วนของถนนทางหลวงเพื่อชะลอการเคลื่อนที่ของกองกำลังแวกเนอร์อีกด้วย
นักวิเคราะห์หลายคนให้ความเห็นว่า ภาพลักษณ์ของปูตินในฐานะผู้นำที่แข็งแกร่งได้สั่นคลอน เพราะสงครามในยูเครนที่ลากยาวมา 16 เดือน ทั้งยังสูญเสียทหารรัสเซียไปจำนวนมาก กำลังเผยให้เห็นจุดที่อ่อนที่สุดของเขา ท่ามกลางเสียงเตือนว่ายังไม่ได้ยินจากปากของพริโกซิน ที่มีฉายาว่า "เชฟของปูติน" (Putin's chef) เลยว่า เขายอมรับการลี้ภัยครั้งนี้จริงหรือไม่ และทหารของเขาวางมือแล้วอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมาเขาได้ชื่อว่าเป็นคนที่พูดจาเปิดเผย ถ้าเขายอมรับเงื่อนไขนี้ก็น่าจะพูดด้วยตัวเอง
ความไม่ชัดเจนของพริโกซินกำลังสร้างความวิตกให้ ประธานาธิบดีกิตานาส นาวเซดา ของลิธัวเนีย และเรียกร้องให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) เพิ่มความแข็งแกร่งให้ลิธัวเนีย เพราะเป็นเพื่อนบ้านทั้งกับรัสเซียและเบลารุส ทั้งยังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด NATO เดือนหน้าอีกด้วยเพราะเขายังสงสัยว่าการที่แวกเนอร์กระทำการร้ายแรงขนาดนี้ แต่กลับถูกปล่อยไปเบลารุสดโดยไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ ผู้นำลิธัวเนียบอกด้วยว่า ถ้าพริโกซินหรือทหารบางส่วนของแวกเนอร์ไปอยู่ที่เบลารุส ด้วยแผนที่ไม่ชัดหรือเจตนาที่คลุมเครือ ก็มีทางเดียวคือต้องเสริมความมั่นคงที่แนวชายแดนตะวันออก เขาไม่ได้หมายถึงแค่เบลารุสแต่หมายถึง NATO ทั้งหมด
ด้าน VOA รายงานว่า ภายใต้ข้อตกลงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ยับยั้งไม่ให้พรีโกชินเคลื่อนพลไปถึงมอสโก ระบุว่ากองกำลังแวกเนอร์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏครั้งนี้ จะได้รับข้อเสนอให้ทำสัญญาโดยตรงกับกองทัพรัสเซีย และต้องตกอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกองทัพรัสเซีย ซึ่งเป็นข้อเสนอที่สร้างความไม่พอใจให้กับพรีโกชิน
ฟิลลิปส์ โอ'ไบรอัน อาจารย์ด้านยุทธศาสตร์ศึกษาแห่ง "University of St Andrews" ในสก็อตแลนด์ ให้ความเห็นว่า ข้อตกลงระหว่างพรีโกซินกับเครมลิน เป็นการจัดการ "อย่างเร่งรีบ" เพื่อที่จะ "ปกป้อง" ทั้งตัวพริโกซิน เงิน และครอบครัวของเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าข้อตกลงนั้นจะช่วยรักษา Wagner Private Military Company ไว้ได้หรือไม่ และไม่แน่ชัดว่ามีทหารรับจ้างจำนวนเท่าไหร่ ที่เดินทางไปเบลารุสกับพริโกซิน และอีกจำนวนเท่าไหร่ที่จะทำสัญญากับกองทัพรัสเซีย