นายกฯ ญี่ปุ่น เปิดนโยบายใหม่หนุนเลี้ยงดูเด็ก-กระตุ้นการเกิด

นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น แถลงข่าวในวันอังคาร (13 มิถุนายน 2566) เกี่ยวกับแพ็กเกจมาตรการที่ครอบคลุมเพื่อกระตุ้นอัตราการเกิดเพิ่มมากขึ้น หลังได้รับการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เขากล่าวว่า อัตราการเกิดต่ำเป็นปัญหาที่น่ากังวลสำหรับสังคมและเศรษฐกิจของญี่ปุ่น และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ไม่อาจประวิงเวลาได้อีก ซึ่งเขาต้องการแก้ไขปัญหานี้ด้วยความมุ่งมั่น  พร้อมกับย้ำว่า ขณะนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะกระตุ้นอัตราการเกิดให้เพิ่มขึ้นภายในต้นทศวรรษ 2030 ซึ่งเป็นเวลาที่ประชากรวัยหนุ่มสาวจะลดลงอย่างรวดเร็ว

ในปี 2565 ญี่ปุ่นมีเด็กแรกเกิดเพียง 770,747 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ลดต่ำกว่า 800,000 คน อัตราการเกิดในญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงเหลือ 1.26 ในปี 2565 จากเดิม 1.57 ในปี 2533 แม้ว่ารัฐบาลพยายามออกมาตรการเพื่อชะลอการลดลงแล้วก็ตาม

ภายใต้แผนนโยบายที่อนุมัติ รัฐบาลหวังเพิ่มยอดใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงดูเด็กเป็นสองเท่าภายในต้นทศวรรษ 2030 จากปัจจุบันอยู่ที่เกือบ 33,700 ล้านดอลลาร์ และหนึ่งในมาตรการ คือ การแจกเงินอุดหนุนเพิ่มมากขึ้นแก่ครอบครัวที่มีบุตร และการจัดหาบ้านพักแก่หลายแสนครอบครัวที่มีบุตร

ปัจจุบันครอบครัวที่มีบุตรอายุถึง 2 ปี และมีรายได้ตามเกณฑ์ จะได้รับเงินสนับสนุนเดือนละ 15,000 เยนต่อบุตร 1 คน และลดลลงเหลือ 10,000 เยนต่อเดือนสำหรับบุตรที่มีอายุ 3-15 ปี แต่ภายใต้แผนใหม่เลิกจำกัดเรื่องฐานรายได้ และเงินสนับสนุน 10,000 เยนต่อเดือนขยายครอบคลุมเด็กจนอายุถึง 18 ปี รวมทั้งเพิ่มเงินสนับสนุนถึง 30,000 เยนต่อเด็ก 1 คนจนถึงเรียนจบมัธยมปลายสำหรับบุตรคนที่ 3 หรือมากกว่าน้น

รัฐบาลตั้งเป้าจัดหารายได้เกือบ 25,000 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มเงินอุดหนุนสำหรับการเลี้ยงดูเด็ก และเงินอุดหนุนที่ครอบคลุมเงินเดือนของครอบครัวที่ต้องลาหยุดเพื่อเลี้ยงดูเด็ก

ขณะที่พรรคฝ่ายค้านวิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรีคิชิดะไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของรายได้เพื่อสนับสนุนนโยบาย และในที่สุดเขาอาจจำเป็นต้องพึ่งมาตรการขึ้นภาษี

การเสนอนโยบายสำคัญของคิชิดะมีขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า เขาอาจจะยุบสภาในสัปดาห์นี้ และประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด แต่เขากล่าวในวันนี้ว่า จะตัดสินใจเรื่องกรอบเวลาเลือกตั้งใหม่ หลังจากได้ประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ