
เขื่อนดังกล่าวอยู่ในเมืองโนวา คาคอฟกา มีความสูง 30 เมตร และยาว 3.2 กม. กักเก็บน้ำได้ 18 ลูกบาศก์กิโลเมตรเทียบเท่ากับทะเลสาบเกรทเลคในรัฐยูทาห์ของสหรัฐ เขื่อนถูกสร้างขึ้นในปี 2499 ในแม่น้ำดนีโปร เขื่อนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกา เขื่อนป้อนน้ำให้กับคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งถูกผนวกรวมเข้ากับรัสเซียในปี 2557 และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของทหารรัสเซียในขณะนี้
สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ยืนยันว่า ยังไม่มีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าสืบเนื่องจากเขื่อนแตก แต่กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ทำเนียบประธานาธิบดียูเครน เปิดเผยว่า น้ำมันอย่างน้อย 150 ตันจากมอเตอร์ไหลลงสู่แม่น้ำดนีโปร และมีความเสี่ยงที่อาจมีการรั่วไหลเพิ่มเติมมากกว่า 300 ตัน และชุมชน 80 แห่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงถูกน้ำท่วม และกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า มีการอพยพประชาชนออกจากเคอร์ซอนแล้ว 885 คน
ทางการท้องถิ่นในโนวา คาคอฟกา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่หลังเขื่อนแตก และหน่วยฉุกเฉิน รายงานว่า บ้านเรือนเกือบ 600 หลังในเมืองโนวา คาคอฟกาถูกน้ำท่วม
ขณะที่ทำเนียบเครมลินของรัสเซีย กล่าวหาว่า ยูเครนจงใจก่อวินาศกรรมทำลายเขื่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากสถานการณ์การโจมตีตอบโต้ต่อกองทัพรัสเซียที่ล้มเหลว และการทำลายเขื่อนมุ่งทำให้ไครเมียไม่สามารถรับน้ำสะอาดจากอ่างเก็บน้ำของเขื่อนผ่านคลองไครเมียเหนือ
รัสเซียควบคุมเขื่อนนี้ตั้งแต่ช่วงต้นที่รัสเซียเริ่มเปิดฉากสงครามในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว แต่ทหารยูเครนสามารถชิงคืนพื้นที่ฝั่งเหนือของแม่น้ำดนีโปรได้ในปีเดียวกัน และตลอดมาทั้งสองฝ่ายกล่าวหาว่า อีกฝ่ายวางแผนทำลายเขื่อนแห่งนี้