
ขณะที่สื่อของเกาหลีใต้ รายงานว่า ฐานปล่อยดาวเทียมในภาพน่าจะไม่ใช่ฐานปล่อยดาวเทียมโซแฮ และคาดว่า จะเป็นฐานปล่อยแห่งใหม่ใกล้ชายทะเลห่างออกไปฐานปล่อยโซแฮราว 3 กม.
นอกจากนี้รายงานระบุว่า ภาพถ่ายเผยให้เห็นส่วนบนของจรวดมีลักษณะโค้งมนและกว้างกว่าลำตัว แสดงว่า จรวดน่าจะบรรทุกดาวเทียม ไม่ใช่หัวรบ ขณะที่หัวรบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือมักมีลักษณะแคบกว่าลำตัว และจากกลุ่มควันพวยพุ่งบ่งชี้ว่า จรวดใช้เครื่องยนต์หลายตัว
ผู้สังเกตการณ์ มองว่า เกาหลีเหนืออาจเผยแพร่ภาพการทดสอบและรีบยืนยันว่า การทดสอบล้มเหลว เพื่อยืนยันว่า เป็นการทดสอบปล่อยดาวเทียม ไม่ใช่ระบบอาวุธ
ส่วนกองทัพเกาหลีใต้เผยในวันพฤหัสบดีว่า ยังคงส่งเรือและเครื่องบินออกค้นหาชิ้นส่วนจรวดขนส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือต่อไป หลังจากเมื่อวานได้เผยแพร่ภาพวัตถุที่เก็บกู้ได้และเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนของจรวด
ถ้อยแถลงของเธอมีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ประณามการปล่อยดาวเทียมสอดแนม และตอบโต้ว่า หากการปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนือถูกวิจารณ์อย่างรุนแรง สหรัฐฯ และชาติอื่น ๆ ทั้งหมดที่เคยปล่อยดาวเทียมรวมหลายพันดวง ก็ควรถูกประณามเช่นกัน รวมทั้งกล่าวด้วยว่า ดาวเทียมสอดแนมทางทหารของเกาหลีเหนือจะถูกปล่อยขึ้นสู่วงโคจรได้สำเร็จในอนาคตอันใกล้ และเริ่มต้นปฏิบัติภารกิจ
นอกจากนี้เธอบอกด้วยว่า ศัตรูกลัวที่สุดว่าเกาหลีเหนือจะเข้าถึงวิธีการสอดแนมและรวบรวมข้อมูล ซึ่งรวมถึง ดาวเทียมสอดแนม และย้ำว่า เกาหลีเหนือจะเพิ่มความพยายามมากขึ้นในการพัฒนาความสามารถในการสอดแนม
คิม โย จอง ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการคณะกรรมการกลางของพรรคแรงงาน ยังเปรียบเทียบว่า มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ห้ามเกาหลีเหนือใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธเหมือนการกระทำของอันธพาลและไม่ถูกต้องเพราะละเมิดสิทธิของเกาหลีเหนือในการใช้อวกาศ
เธอประกาศกร้าวด้วยว่า เกาหลีเหนือไม่สนใจและไม่เห็นความจำเป็นต้องมีการเจรจากับสหรัฐฯ และพวกลิ่วล้อ พร้อมกับเตือนว่า พวกเขาจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการดำเนินนโยบายเป็นปรปักษ์กับเกาหลีเหนือ