สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ลงมติอย่างท่วมท้นเมื่อวันพุธ (31 พฤษภาคม 2566) ตามเวลาท้องถิ่น ผ่านกฎหมายระงับการจำกัดการก่อหนี้ของประเทศ ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม ปี 2568 เพื่อป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ที่จะสร้างความเสียหายที่ใหญ่หลวง แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามรับรอง สำหรับในวุฒิสภา วุฒิสมาชิกคนใดคนหนึ่งสามารถชะลอการลงมติได้ และไม่แน่ชัดว่าการลงมติครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อใด
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 314 ต่อ 117 เสียง โดยเป็นเสียงของพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมาก 149 เสียง และเดโมแครตที่ครองเสียงข้างน้อย 165 เสียง ส่วนพวกที่คัดค้านเป็นรีพับลิกัน 71 เสียง และเดโมแครต 46 เสียง
กรอบเวลาของการผ่านร่างกฎหมายในสภาคองเกรสนั้นรัดกุมมาก และมีโอกาสผิดพลาดน้อยมาก ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างมากต่อผู้นำของทั้งสองพรรค ท่ามกลางความพยายามแข่งกับเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ที่แม้กระทรวงการคลังจะระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่สามารถชำระหนี้ได้จริงก็ต่อเมื่อถึงกลางเดือนมิถุนายน แต่จะมีผลให้รัฐบาลต้องระงับการจ่ายเช็คสวัสดิการสังคมและเงินเดือนลูกจ้างรัฐจำนวน 25,000 ล้านดอลลาร์, บัญชีผู้เกษียณถูกยกเลิก คนตกงานนับล้าน และอาจส่งผลที่ร้ายแรงให้แก่เศรษฐกิจโลก
ร่างกฎหมายฉบับนี้ นอกจากจะเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางจำนวน 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ (กว่า 1 พันล้านล้านบาท) แล้ว ยังจะช่วยบรรเทาวิกฤตของประเทศไปจนถึงปี 2568 หรือหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีผ่านไปแล้ว