ประธานาธิบดีโจ ไบเดน พบหารือกับเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน, ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต, ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต และมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ในทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้ และการควบคุมงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล
แต่ไบเดนและแมคคาร์ธียังคงมีความเห็นขัดย้งกันเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้จากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ที่หนี้สาธารณะพุ่งชนเพดานตั้งแต่เดือน ม.ค. แล้ว แต่เห็นพ้องกันว่า จะหารือกันครั้งต่อไปในวันศุกร์ (12 พ.ค.) เพื่อให้สามารถตกลงกันได้ ก่อนที่เงินสดจะหมด และสหรัฐฯ อาจต้องผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ภายในวันที่ 1 มิ.ย.
ประธานาธิบดีไบเดน บอกว่า การหารือได้ผลคืบหน้า และยื่นข้อเสนอประนีประนอมต่าง ๆ รวมถึง การเรียกคืนเงินจากกองทุนเยียวยาโควิด-19 ที่ยังไม่ได้ใช้จ่ายเพื่อลดการใช้จ่ายของรัฐบาล แต่ย้ำให้รีพับลิกันอย่านำแนวทางประกาศผิดนัดชำระหนี้มาเป็นหัวข้อเจรจา และเขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ที่จะประกาศให้การจำกัดเพดานหนี้เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ
ขณะที่แมคคาร์ธี บอกว่า กาเรจรจาไม่มีอะไรคืบหน้า และกล่าวหาว่า ไบเดนไม่ยอมเจรจาจนกระทั่งใกล้หมดเวลา แต่ก็ยังหวังว่าจะสามารถตกลงกันได้ และไม่ทำให้สหรัฐฯ ต้องไปอยู่ที่ปากเหว และแมคคอนเนลล์ ย้ำว่า จะไม่มีการเพิ่มเพดานหนี้ โดยไม่ตัดลดรายจ่ายของรัฐบาล
ที่ผ่านมาการงัดข้อในสภาของทั้งสองพรรคเรื่องการเพิ่มเพดาหนี้ล้วนจบลงด้วยการบรรลุข้อตกลงอย่างรีบเร่งในชั่วโมงสุดท้าของการเจรจา ทำให้หลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้มาได้ แต่ในปี 2554 ความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ทำให้สหรัฐฯ ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือมาแล้ว