สำนักข่าวกลางเกาหลีของทางการเกาหลีเหนือ รายงานในวันเสาร์ (29 เม.ย.) โดยเผยแพร่แถลงการณ์ของ คิม โย จอง น้องสาวของ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่เป็นการแสดงปฏิกิริยาครั้งแรกต่อ "ปฏิญญาวอชิงตัน" ซึ่ง ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ลงนามร่วมกับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (26 เม.ย.)
แถลงการณ์ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวสะท้อนถึงเจตนาของการเป็นปรปักษ์และการรุกรานอย่างที่สุดต่อเกาหลีเหนือ และจะทำให้สันติภาพและความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและโลก เสี่ยงอันตรายร้ายแรงมากยิ่งขึ้น
ภายใต้ข้อตกลงฉบับใหม่กำหนดว่า สหรัฐฯ จะขยายการป้องปรามเพื่อปกป้องเกาหลีใต้จากภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมากยิ่งขึ้น ผ่านการตั้งกลุ่มที่ปรึกษาด้านนิวเคลียร์ และส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เกี่ยวกับนิวเคลียร์ ซึ่งรวมถึงเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดตั้งขีปนาวุธพิสัยไกลไปที่เกาหลีใต้บ่อยขึ้น
คิม โย จอง เตือนอย่างแข็งกร้าวว่า
"ยิ่งศัตรูมุ่งมั่นก่อสงครามนิวเคลียร์ และส่งอาวุธนิวเคลียร์เข้าไปในคาบสมุทรเกาหลีมากขึ้น เราก็จะใช้สิทธิป้องกันตนเองที่มุ่งตอบโต้พวกเขาโดยตรงมากขึ้น"
น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือยังวิจารณ์ประธานาธิบดีไบเดนที่ขู่ว่า การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อสหรัฐฯ หรือพันธมิตร จะนำไปสู่จุดจบของรัฐบาลเกาหลีเหนือ โดยเธอบอกว่า
"ไบเดนคำนวณผิดพลาดและบ้าบิ่นอย่างมาก และคำเตือนของเขาเป็นเพียงความเห็นไร้สาระของคนในวัยบั้นปลาย ที่ไม่มีศักยภาพจะรับผิดชอบตอความมั่นคงและอนาคตของสหรัฐฯ ได้ และเป็นคนชราที่ไม่มีอนาคต การที่เขายังจะดำรงตำแหน่งอีก 2 ปีที่เหลือก็มากเกินพอแล้ว"
ขณะเดียวกันเธอวิจารณ์ระธานาธิบดียุนว่า "เป็นคนโง่" ที่ทำให้สถานการณ์ความมั่นคงเข้าสู่วิกฤตเพราะการไร้ความสามารถของตัวเอง
กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ออกมาตอบโต้ว่า ถ้อยแถลงของคิม โย จอง ว่าเป็นคำอ้างไม่น่าเชื่อถือ และคำวิจารณ์ของเธอต่อผู้นำสองประเทศใช้ถ้อยคำหยาบคาย สะท้อนถึงพฤติกรรมที่แย่ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ