เจ้าหน้าที่เมืองเอสแฟกซ์ เมืองท่าของตูนิเซีย เปิดเผยว่าเมื่อวันอังคารมีศพเหยื่อจมน้ำรวมกว่า 200 ราย เกินกว่าโรงพยาบาลและสถานที่เก็บศพในเมืองจะรองรับไหว ศพเหล่านี้ถูกซัดเข้าชายฝั่งและเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องจัดพิธีศพเกือบทุกวันเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล แต่มีการเก็บตัวอย่าง DNA ของศพทุกรายไว้ ก่อนนำไปฝังเพื่อให้ญาติสามารถยืนยันศพเพื่อรับกลับได้
เจ้าหน้าที่ยามฝั่งบอกด้วยว่า ศพอยู่ในสภาพเน่าเปื่อยแสดงว่าจมน้ำหลายวันแล้ว และไม่เคยพบศพมากขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นแบบนี้มาก่อน
ตูนิเซียแซงหน้าลิเบียที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านในทวีปแอฟริกา กลายเป็นจุดเริ่มต้นล่องเรือสำหรับประชาชนในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ที่ต้องการหนีการสู้รบและความยากจนเพื่อไปยุโรป โดยบางช่วงของชายฝั่งตูนิเซียอยู่ห่างเพียงเกือบ 150 กม. จากเกาะลัมเปดูซาของอิตาลี ที่มักถูกใช้เป็นจุดผ่านไปยังแผ่นดินใหญ่
ข้อมูลจาก Missing Migrants Project ของสหประชาชาติ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 ราย เสียชีวิตในทะเลเมดิเตอเรเนียนตอนกลางในช่วง 10 วันที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 824 รายในปีนี้
ในช่วงหลายเดือนนี้มีเรือบรรทุกผู้อพยพ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากชาติแอฟริกาที่อยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา, ซีเรีย และซูดาน พยายามแล่นจากตูนิเซียไปยังอิตาลีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากลิเบียดำเนินการปราบปรามไม่ให้มีการลอบล่องเรือข้ามทะเลไปยุโรป