
แจ็ค มา เคยทำธุรกิจสิ่งทอกับคนในครอบครัว ก่อนที่กองทัพเมียนมาจะก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อสองปีที่แล้ว
เดิมที เธอเคยเป็นสาวเมียนมาผมยาวหน้าตาสะสวย แต่สภาพของเธอในตอนนี้ ดูไม่ต่างจากชายชาติทหารเท่าใดนัก เธอมาในรูปแบบสาวผมสั้น ไถเกรียนข้าง หน้าตาไร้เครื่องสำอาง แต่งชุดลายพรางทหาร สวมแว่น ท่าทางดูกระฉับกระเฉง พร้อมเอาเรื่องตลอดเวลา
สถานภาพของเธอในตอนนี้ คือการเป็นครูฝึกกองกำลังฝ่ายต่อต้านให้หยิบจับอาวุธขึ้นสู้กับฝ่ายรัฐบาลทหาร
แจ็ค มา บอกว่า เธอตัดสินใจมาเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้าน เพราะทนไม่ไหวที่เห็นมากับตาว่า กองทัพทรมานและเข่นฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม พวกเขาทำเช่นนี้กับประชาชนได้ ก็เพราะมีอาวุธ และเพราะอาวุธเช่นกัน ที่ทำให้คนกลุ่มนี้ ก่อรัฐประหารยึดอำนาจได้สำเร็จ หลายครอบครัวในเมียนมาต้องประสบปัญหาบ้านแตกสาแหรกขาด
ก่อนหน้านี้ แจ็ค มา ได้นำเรื่องนี้ ปรึกษากับคุณแม่ และบอกว่า เธอกำลังเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านติดอาวุธ แน่นอนว่า ภารกิจนี้ ทำให้เธอต้องแยกห่างจากคุณแม่ และกิจการที่ทำอยู่ต้องหยุดชะงักลง แต่คุณแม่ก็อนุญาต และให้พรอีกด้วย เพราะลูกสาวกำลังทำในสิ่งดีงามเพื่อผู้อื่น
แจ็ค มา ตั้งความหวังว่า เมื่อการปฏิวัติสิ้นสุดลง เธอจะกลับไปที่หมู่บ้าน และทำกิจการสิ่งทออีกครั้ง รวมถึงดูแลคุณแม่และน้องชาย เธอยังคิดถึงชีวิตที่สงบสุขของการทำกิจการสิ่งทออยู่เสมอ แต่ก็ยังไม่รู้ว่า เมื่อไหร่จะมีโอกาสได้กลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีก
ไม่น่าเชื่อว่า ผู้หญิงเมียนมากลายเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทสำคัญในการหยิบจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลทหาร แม้ว่า ส่วนใหญ่จะถูกกันออกจากแนวหน้า และไม่ค่อยมีบทบาทในการตัดสินใจเท่าใดนัก
ตอนที่กองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อต้นปี 2021 ผู้หญิงในเมียนมาถือเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลทหาร พวกเขานำขบวนประท้วงอย่างสันติในบางพื้นที่ และยังคงชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เสี่ยงต่อชีวิต
ข้าราชการพลเรือนที่เป็นผู้หญิง ยังออกมาเป็นแกนนำก่ออารยะขัดขืนไปทั่วประเทศ ส่งผลให้มีแรงงานหลายแสนคนผละงานประท้วง หลายคนยังไม่ยอมกลับไปทำงานจนบัดนี้
กว่า 2 ปี ที่กองทัพเข้ายึดอำนาจ มีประชาชนกว่า 16,500 คน ถูกจับกุม และ 1 ใน 5 เป็นผู้หญิง ความพยายามของกองทัพที่จะปิดปากคนกลุ่มนี้ กลับทำให้เกิดผลสะท้อนกลับ คือการมีกลุ่มต่อต้านผุดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง
ผู้หญิงเข้าร่วมกับกองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้านในเมียนมาไม่ใช่ประเด็นใหม่ เพราะตามพรมแดนของประเทศ ที่มีชนกลุ่มน้อยติดอาวุธกระจายกว่าสิบกลุ่ม เพื่อขอแยกดินแดนเป็นอิสระ ก็มีผู้หญิงเข้าร่วมในการนี้มาหลายสิบปีแล้ว
ผู้หญิงที่เข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านจะต้องเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเสียใหม่ เพื่อไม่ให้ญาติพี่น้องถูกรัฐบาลเล่นงาน บางคนต้องการให้ผู้หญิงมาเข้าร่วมมากขึ้น เพราะตามปกติ ผู้หญิงในเมียนมา มักมีหน้าที่แค่หุงหาอาหาร และไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง การเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านจึงถือเป็นการฝึกให้ผู้หญิงมีความเป็นผู้นำมากขึ้น และไม่ยอมให้ถูกกดขี่อีกต่อไป