svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

"กามิกาเซ่" เครื่องจักรสังหารที่แม่นยำในสมัยสงครามโลกครั้ง 2

เครื่องจักรสังหารอากาศยานที่ลดการสูญเสียน้อยที่สุดคือ "อากาศยานไร้คนขับ" (Drone) แต่ในอดีตเครื่องจักรสังหารอากาศยานที่น่ากลัวที่สุดเรียกว่า "กามิกาเซ่" ที่ญี่ปุ่นใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขวัญศัตรู และผู้เข้าร่วมปฏิบัติการจะได้รับการยกย่องว่ามีเกียรติสูงสุด

ในบทความ The Divine Wind : Japan's Kamikaze Pilots of World War II ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ The National WWII Museum ได้เขียนถึงนักบินกามิกาเซ่ไว้อย่างน่าสนใจว่า มีทหารญี่ปุ่นมากกว่า 2,000 นาย ที่เสียชีวิตในการโจมตีแบบกามิกาเซ่ ระหว่างการสู้รบที่ยาวนานถึง 3 เดือน เพื่อยึดเกาะโอกินาวา ซึ่งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่นไปทางใต้เพียง 400 ไมล์ เมื่อปี 2488 ซึ่งพวกเขาอยู่ที่ศูนย์กลางของยุทธศาสตร์ที่ สิ้นหวังและไร้ความคิด ของกองบัญชาการใหญ่แห่งจักรวรรดิในโตเกียว หรือที่เรียกว่า "ปฏิบัติการเท็น-โก" (Operation Ten-Go) เพื่อหวังเอาชนะการรุกคืบระยะต่อไปของสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก

กามิคาเซ่ คือนักบินหน่วยพลีชีพของกองทัพญี่ปุ่น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขามีเป้าหมายหลักคือ การทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ในสงครามแปซิฟิก คนที่จะเป็นนักบินกามิกาเซ่ต้องมีจิตใจห้าวหาญพร้อมที่จะตายตอดเวลา เรียกง่าย ๆ คือพวกเขาพร้อมสละชีพเพื่อกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น 

"กามิกาเซ่" เครื่องจักรสังหารที่แม่นยำในสมัยสงครามโลกครั้ง 2

ในสมัยนั้นคนที่ได้เข้าหน่วยกามิกาเซ่ถือเป็น "เกียรติยศอย่างสูงสุด" ที่ได้ตายเพื่อชาติ และสังคมญี่ปุ่นก็ยึดถือเรื่อง "เกียรติยศ" เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดเช่นกัน พวกเขาเชื่อว่าการใช้นักบินกามิกาเซ่โจมตี จะเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของศัตรู เพราะประสิทธิภาพในการทำลายเป้าหมายของพวกเขาแม่นยำกว่าการทิ้งระเบิด โดยเฉพาะบนเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ชาวญี่ปุ่นเองก็ยกย่องเชิดชูนักบินกามิกาเซ่ เพราะเป็นผู้ที่สละชีพเพื่อชาติและสมเด็จพระจักรพรรดิ พวกเขาจะได้รับอาหารที่ "พิเศษ" แต่ขณะเดียวก็ต้องผ่านการฝึกที่เข้มข้นและโหด เพื่อบ่มเพาะจิตใจให้พร้อมสำหรับการพลีชีพเพื่อโจมตีศัตรู แต่ก็ไม่ใช่ว่านักบินกามิกาเซ่จะประสบความสำเร็จไปเสียทุกครั้ง บางคนเกิดกลัวตายขึ้นมากะทันหันและตัดสินใจหันหัวเครื่องบินกลับก็มี นอกจากนี้ยังมีกรณีที่จำเป็นต้องหันหัวกลับเพราะเครื่องยนต์ขัดข้อง หรือสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย 

"กามิกาเซ่" เครื่องจักรสังหารที่แม่นยำในสมัยสงครามโลกครั้ง 2

ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย นักบินกามิกาเซ่จะไม่ถูกลงโทษหรือดูหมิ่นเหยียดหยาม เพราะในยามสงครามนักบินถือเป็นทรัพยากรที่หายากจำเป็นต้องสงวนพวกเขาไว้ ในเมื่อภารกิจแรกไม่สำเร็จก็จัดตารางภารกิจให้ใหม่ ส่วนนักบินที่กลับมาโดยไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุสุดวิสัยก็จะโดนลงโทษแต่ไม่ถึงขั้นประหารชีวิต และแม้จะเป็นโทษทั้งทางร่างกายและจิตใจแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมาก เพราะต้องแก้ตัวใหม่ในภารกิจครั้งต่อไป แต่ก็มีเคสที่กองทัพรับไม่ได้ เช่น นักบินคนหนึ่งทำภารกิจกามิกาเซ่ล้มเหลวถึง 9 ครั้ง พอกลับไปถึงฐานก็โดนคำสั่งประหารชีวิตทันที 

เพื่อไม่ให้นักบินเกิดอาการเสียขวัญ พวกเขาจึงต้องปฏิบัติภารกิจพร้อมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งอาจส่งผลทางจิตวิทยาในการลดความกดดันและความหวาดกลัว เมื่อเห็นเพื่อนทิ้งตัวสู่เป้าหมายและสร้างความเสียหายให้แก่ศัตรู ก็อาจสร้างความฮึกเหิมให้ทำตาม และเพื่อให้ภารกิจสุดท้าย (ของชีวิต) ดำเนินไปอย่างราบรื่น ก็มีการเลี้ยงเหล่านักบินเพื่อปลุกความฮึกเหิมด้วย 

ถ้าไปถามสมาชิกในครอบครัวอย่างภรรยาของนักบินกามิกาเซ่ ก็จะได้รับคำตอบที่เด็ดเดี่ยวว่า

"รู้สึกภูมิใจในความเสียสละของสามี เป็นเรื่องธรรมดาที่สามีจะต้องตาย และมันคงเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับเขาถ้าเป็นนักบินกามิคาเซ่แล้วยังมีชีวิตรอด!!"

"กามิกาเซ่" เครื่องจักรสังหารที่แม่นยำในสมัยสงครามโลกครั้ง 2