“แม็กกี้ อาภา” กับชีวิตนักแสดงอิสระ ความรัก “พ่อตุ๋ย อรุณ” ไม่ติดเรื่องเพศ
นางเอกมากความสามารถ “แม็กกี้ อาภา ภาวิไล” ออกมาเปิดใจถึงเรื่องไม่ต่อสัญญากับช่องมากสี ยืนยันไม่ได้น้อยใจอะไร ส่วนเรื่องความรัก “พ่อตุ๋ย อรุณ ภาวิไล” เปิดทางให้มีแฟนได้ จะเป็นเพศไหนก็ได้ไม่ว่ากัน
หมดสัญญากับช่องเดิม ?
“เป็นจังหวะที่แม็กกี้หมดสัญญาพอดี แล้วช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่ได้ไปเจอกัลยาณมิตรที่ดี ได้มาศึกษาเจอธุรกิจใหม่ ถือว่าเป็นช่วงที่เราให้ความสนใจ มีธุรกิจที่ทำอยู่ในช่วงโควิดสามอย่าง ก็จะมีอสังหาฯ ทัวร์ และธุรกิจออนไลน์ คิดว่าช่วงโควิดธุรกิจออนไลน์กระทบน้อยที่สุด เลยคิดว่าอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองสักชิ้น ไม่ได้น้อยใจช่องเลย เพราะคนรู้จักแม็กกี้ได้สองอย่าง รู้จักเพราะแม็กกี้เป็นลูกของคุณพ่อ แล้วอีกอย่างรู้จักเราจากผลงาน พอถึงวันนี้คิดว่าอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้น"
ตอนเป็นนักแสดงใหม่ๆ คนส่วนใหญ่บอกดังเพราะพ่อ ?
“ก็โดนเยอะ แรกๆ เข้ามา เขาคิดว่าเราเด็กเส้นแน่นอน เราเป็นลูกของคุณพ่อ แต่พ่อจะให้กำลังใจเสมอ แล้วบอกว่า ถ้าเราเล่นไม่เก่งจริง ฝีมือไม่ดีจริง ก็ไม่มีผู้จ้างผู้จัดคนไหนเอาเราทำงาน เคยเรียนการแสดงกับคุณพ่อเหมือนกัน คุณพ่อเคยเปิดสอนอยู่สั้นๆ แล้วแม็กกี้เข้าไปเรียน พ่อไม่ได้อวยลูกเลย พ่อด่าพ่อว่าต่อหน้าลูกศิษย์ทุกคน แม็กกี้ทำแบบนี้คือผิด ไม่มีอนุโลมว่านี่คือลูกสาว ผิดคือผิดเลยแล้วให้แก้ไข แล้วเขาให้กำลังใจ ถ้าเราจะอยู่ตรงนี้ได้ต้องฝีมือเลย”
ตอนนี้มีคนคุยไหม?
“มีค่ะ ถามว่าพิเศษไหม คิดว่าตอนนี้ทุกคนเท่าๆ กัน เรื่องแต่งงานจริงๆ เป็นความฝันเลย ชอบโมเมนต์ในงานแต่งงานมาก จะแอบขโมยโมเมนต์ในงานของเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่เราไป เราจะอินมาก ถ้าเป็นไปได้ในงานแต่งงานของตัวเอง ก็จะชอบอะไรที่โรแมนติก ชอบเพลง ชอบบรรยากาศ ชอบดอกไม้เยอะๆ มีเพลงที่โดนใจเรา แล้วก็มีเซอร์ไพรส์ที่สร้างความประทับใจและโรแมนติก”
ทางด้าน "คุณพ่อ อรุณ ภาวิไล" ทิ้งท้ายถึงลูกสาวว่า ?
“ไม่หวงอะไร จะเรียนปริญญาเอกอยู่แล้วเนี่ย ไม่หวงแล้ว อยากมีหลานแล้ว หลังจากที่เขาโต เขามีทรัพย์สมบัติของเขาเองแล้ว ซื้อบ้าน บ้านที่ผมซื้อเขาไม่อยู่แล้ว เขาไปซื้ออีกหลัง ซึ่งแพงกว่าหลายเท่า รถก็เบนซ์ พ่อยังขับญี่ปุ่นอยู่เลย แล้วผู้ชายที่ไหนมันจะมาจีบ มันก็ตกใจหมดสิ เรียนปริญญาตรีไม่พอ เรียนปริญญาโทนี่ต่อเอกอีก"
"ที่ผ่านมาเคยพามาให้รู้จัก หล่อๆ มาเลย ทอมทั้งนั้น ถ้าทอมรักกับลูกจริงก็โอเค ไม่ได้มีปัญหาอะไร ต้องการให้คนสองคนมาร่วมสร้างฐานะกัน นี่ทำงานอยู่คนเดียว ผมก็พยุงตัวของผมไป เขาก็พยุงครอบครัวกับแม่เขาไป ถ้ามีอีกคนมาผสานเนี่ย ธุรกิจที่เขาคิดจะทำสามอย่าง สองหัวมันดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว มันจะส่งเสริมให้งานมันรุ่ง ไม่จำเป็นเรื่องเพศ เรื่องลูกหลานนี่ จิ้มเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูกก็ได้"
