"ก้อง ปิยะ" ปรี๊ดแตก! โดนแมวมองอ้างชื่อหวังเคลมนายแบบกินแซบชาบูชาบู

"จริงๆแล้วเพิ่งทราบ คือเป็นนายแบบที่เคยร่วมงานกันมาก่อน เขาเคยมาถ่ายแบบกินแซบชาบูชาบูให้คือเพื่อนโทรมาบอกว่ามีคนติดต่อนายแบบไปทำงานไปลองแคสติ้งงาน เราก็ไม่ได้สนใจจนเพื่อนบอกว่ามันแปลกเพราะคนที่ติดต่อเขาบอกว่ารู้จักกับเรา เราก็ถามว่าเขาชื่ออะไรพอฟังชื่อเสร็จเราก็บอกเพื่อนว่าไม่รู้จักนะ แล้วถามต่อว่ามีเรื่องอะไร เพื่อนก็เล่าว่าเขาติดต่อมาปกติ แต่เรียกไปแคสติ้งที่คอนโด เราก็งงว่าทำไมต้องไปแคสที่คอนโด พอไปถึงเขาก็บอกว่าเป็นครีมอาบน้ำยี่ห้อหนึ่งต้องใส่กางเกงในในการถ่าย น้องนายแบบก็บอกว่าขอใส่กางเกงที่ไม่โป๊มากได้ไหมซึ่งเขาก็ให้ลองใส่ หลังจากนั้นเขาก็ถามน้องนายแบบว่าถ้าต้องไปถ่ายต่างประเทศไปนอนด้วยกันได้ไหม น้องบอกว่าได้ไปทำงานจะให้นอนกับทีมงานก็ยังได้ เขาก็บอกต่อว่าถ้านอนกับพี่แล้วมีอะไรที่มากกว่านั้นพี่พร้อมเขียนเช็คจ่ายให้เลยนะ ซึ่งระหว่างที่คุยก็มีการเอ่ยชื่อบุคคลที่ 3 คือเขาบอกว่าเขารู้จักคุณก้องปิยะ น้องก็บอกว่าผมก็รู้จักพี่ก้อง ผมเคยถ่ายแบบให้พี่เล็กเพื่อนพี่ก้องเจ้าของร้านชาบู เขาก็บอกว่าเขารู้จักเพื่อนเราด้วย คือถ้าน้องนายแบบยอมมีอะไรด้วยเขาจะจ่ายเช็คให้น้องนายแบบจะได้ไม่ลำบาก ซึ่งน้องนายแบบบอกว่าไม่เป็นไรผมขอทำงานแลกเงินดีกว่า ไม่ใช่การนอนอะไรแบบนี้ เสร็จแล้วน้องนายแบบก็ขอตัวกลับ

คือเราไม่ชอบอะไรแบบนี้ ต้องขอพูดก่อนว่าคนเราอย่าทำอะไรแบบนี้ เวลาไปพูดโน้มน้าวอย่าไปเล่นแร่แปรธาตุให้เด็กทำอะไรในสิ่งซึ่งเกินการทำงาน เราว่ามันบาปกรรมนะ เราได้คุยกับน้องที่เป็นนายแบบแล้ว และบอกว่าเรารู้จักคนเยอะแต่การรู้จักมันมีขั้นตอนหลายอย่าง มีรู้จักทั่วไปใครๆ ก็รู้จัก คือถ้ารู้จักแล้วชวนไปทำบุญเราก็ขออนุโมทนาบุญด้วย แต่ถ้ารู้จักแล้วมาพูดแบบนี้มันทำให้ชื่อเราเสียไปด้วยว่าเป็นเพื่อนพี่ก้องปิยะ " ก้องกล่าวแจง

         เมื่อถามต่อว่ารู้จักคนที่แอบอ้างไหม ผู้จัคนดังแจงว่า "ที่เขาพูดชื่อมาเราไม่รู้จัก ถามว่าจะแจ้งความไหมคงไม่ได้แจ้งความอะไร เราคงแค่เขียนบอกว่าอย่าทำแบบนี้เพราะเท่าที่ทราบมาก็มีหลายคนทำแบบนี้เพียงแต่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อเรา ก็อยากเตือนใครที่อยากเป็นดาราในอนาคตว่าจะไปทำอะไรที่ไหนก็อยากให้ระวังตัว ถ้าต้องไปแคสติ้งที่แปลกๆก็ควรพาเพื่อนหรือพ่อ แม่ไปด้วย เพื่อช่วยกันดูและอย่าคิดแค่ว่าฉวยโอกาสแค่นี้ เพราะถ้าโดนเขาหลอกเราก็คงไม่รู้ และถ้าใครกำลังคิดแบบนี้อยู่ ขอให้คิดว่าถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกหลาน เราจะรู้สึกอย่างไรถ้าลูกหลานเราโดนแบบนี้ คือก็แค่อยากมาเตือนเพราะน้องเขาก็ปลอดภัยดี แค่ไม่อยากให้คนใช้ชื่อเรามาแอบอ้งแบบนี้ ที่ผ่านมาก็ทราบว่ามีคนรู้จักเราพาไปแคสแต่ไม่มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นแต่ครั้งนี้มีการเอ่ยชื่อเราแล้วพูดเรื่องหลับนอน คือแค่รู้สึกว่าคุณจะทำอะไรมันก็เรื่องของคุณ แต่ถ้ามีชื่อฉันเข้าไปเกี่ยวข้องมันจะเสียถึงฉัน (จะมีติดต่อพูดคุยกับคู่กรณีไหม) คงไม่ติดต่อ เราว่าเขาคงรู้ตัว พี่ก็บอกกับน้องนายแบบว่าถ้าจะไปทำอะไรแล้วสงสัยสามารถถามเราได้ ว่ามันน่าเชื่อถือไหม เพราะเดี๋ยวนี้มีอมวมองเยอะไปหมด ก็วิงวอนว่าใครทำแบบนี้อยู่ขอให้เลิก ขอให้ทำตรงๆและดีงามเถอะ" ก้องกล่าวปิดท้าย