
แต่ปัจจุบันโครงสร้างโบสถ์เดิมเหลือเพียง แท่นบูชา ห้องโถงกว้าง จากหน้าประตู และ ทางเดินเท่านั้น เพราะหลังจากปี1490 เป็นต้นมา ลูโดวิโก้ สฟอร์ซ่า ได้ปรับเปลี่ยน รูปแบบสถาปัตยกรรมเพื่อใช้เป็นสุสาน สำหรับตระกูล สฟอร์ซ่า และตั้งใจว่าจะทำให้ ซานตา มาเรีย เดอ กราซีเป็นศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
โดยเขาได้มอบหมายให้บรามันเต้ สร้างหน้ามุข ขึ้นแทนที่ แท่นบูชา ส่วนลีโอนาโด ดาวินชี ได้รับมอบหมาย ให้วาดภาพอาหารมื้อสุดท้ายและให้ คริสโตโฟโร โซลารี่ แกะสลักฝาหลุมฝังศพของลูโดวิโก้และแบทริสภรรยาของเขาโดยให้อยู่เป็นศูนย์กลางของบริเวณที่ขณะคณะขับร้องยืนภายในโบสถ์
แม้จะถูกปรับเปลี่ยนและถูกทำลายจากระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองแต่ก็เหมือนกับปาร์ติหารย์ เพราะทุกอย่างพังทลาย เว้นแต่กำแพงทั้งสองฝั่งของห้องทานอาหาร ที่ ยังคงตั้งตระหง่านได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย เท่านั้น แม้จะต้องตากแดด ตากฝนอยู่นานสามปี ก่อนจะมีการเข้ามาบูรณะซ่อมแซม แต่น่าเสียดายนะคะที่มีการเจาะประตูเข้าห้องครัวตรงกลางภาพพอดีเลยทำให้ขาของพระเยซูหายไปค่ะ
ภาพThe Last Supper เป็นภาพ กว้าง9 เมตร สูง 4.5 เมตร แต่ละข้างของพระเยซูมีสาวกแบ่งเป็นสองกลุ่มๆ ละ 3 คน รวม 12 คน The Last Supper หมายถึง อาหารมื้อสุดท้ายที่พระเยซูทรงประทานแก่สานุศิษย์12 องค์ หนึ่งในผู้ร่วมโต๊ะ อาหาร มื้อนั้นจะทรยศพระองค์คือ ยูดาส โดยยูดาสสมคบกับผู้นำของชาวยิวและเสนอตัวจะช่วยจับพระเยซูเจ้ายูดาสรู้ว่าหลัง อาหารค่ำพระเยซูเจ้าจะออกไปภาวนาที่เชิงเขาใกล้ๆ กรุงเยรูซาเล็ม จึงเตรียมการเพื่อเข้า จับกุมพระเยซูเจ้าและนำตัวพระองค์ตรึงกางเขนค่ะ
ภาพThe Last Supper วาดโดยใช้เทคนิคการวาดภาพแบบปูนเปียก ลีโอนาร์โดได้ทดลองเรื่องของสีเพื่อให้อยู่ทนได้นาน ภาพเขียนนี้มีคุณค่าและความสำคัญอย่างมากจนแดน บราวน์ได้หยิบไปแต่งเป็นหนังสือนิยายสืบสวนเรื่องรหัสลับดาวินชี (DaVinci Code)
การจะเข้าชมภาพวาด The last supper นี้ต้องจองล่วงหน้าทางโทรศัพท์ และ ออนไลน์นะคะ มีการจำกัดจำนวนคนและเวลาที่อนุญาตให้ชมซึ่งปกติ รอบละ ประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น พร้อมมีการจัดผู้บรรยายใว้ด้วย ใครที่อยากเข้าชมอย่าลืมจองล่วงหน้าและ ไปถึงโบสถ์ให้ตรงเวลาด้วยค่ะ เพราะที่นี่เค้าต่อคิวกันยาว บางครั้งต้องจองล่วงหน้านานเป็นเดือน ทางทีมงานเนชั่นทีวีต้องขอขอบพระคุณ ความช่วยเหลือจากท่านเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโรม ธนา เวสโกสิทธิ์ ที่ ช่วยประสานงานและ อำนวยความสะดวกให้กับคณะของเราในครั้งนี้ค่ะ