นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยกับ Nation STORY ว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ แกว่งไซด์เวย์-ไซด์เวย์อัพ ประเมินแนวต้านแรกที่ 1,380 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,394 จุด แนวรับแรกที่ 1,355 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,350 จุด ซึ่งปัจจัยหลักที่ต้องติดตามคือเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เงินเฟ้อทั่วไป ตลาดคาด +0.4% m-m หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะหลังเริ่มอ่อนลงจะกระทบสินทรัพย์เสี่ยงจำกัด ส่วนตลาดเอเชียติดตามรายงานเศรษฐกิจจีน คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนภายในเรื่องหลักอยู่ที่รายงานกำไรไตรมาส 1/67 โค้งสุดท้าย และจีดีพีไตรมาส 1/67
สำหรับหุ้นที่น่าลงทุน 1. หุ้น China Plays รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัวของจีน (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL) 2. หุ้นคาดกำไรไตรมาส 1/67 ดีขึ้น เช่น ICHI, OSP, AAV, AOT 3.หุ้นได้ประโยชน์ SET50/100 เกณฑ์ใหม่ BJC
ปัจจัยบวก-ลบที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย
• 14 พ.ค. ตัวเลข PPI เดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ คาด +.0.3% m-m จากเดิมอยู่ที่ 0.2% m-m
• MSCI Rebalance: 14 พ.ค. ติดตามผลการ Rebalance ดัชนี MSCI All Countries World Index คาด ไม่มีหุ้นเข้า ส่วนหุ้นที่เสี่ยงหลุดออกจากดัชนี คือ LH
• 15 พ.ค. เงินเฟ้อ CPI เม.ย. คาด +0.4%m-m, +3.4%y-y จากเดิมอยู่ที่ +0.4% m-m และ +3.5% y-y
• 15 พ.ค. ยอดค้าปลีก เม.ย.ของสหรัฐฯ คาด +0.4% m-m จากเดิมอยู่ที่ +0.7% m-m
• 15 พ.ค. GDP 1Q24 (ครั้งแรก)ของสหภาพยุโรป (อียู) คาด +0.3%q-q, 17 พ.ค. CPI เม.ย. คาด +2.4%y-y, +0.6%m-m เท่าเดือนก่อน
• 16 พ.ค. ติดตามรายงาน GDP ไตรมาส 1/67 ของญี่ปุ่น คาด -1.4%q-q จากเดิมอยู่ที่ 0.4%q-q และดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม
• 17 พ.ค. ติดตามเศรษฐกิจจีนเดือน เม.ย. ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมคาด +5.5%y-y จากเดิมอยู่ที่ +4.5%y-y, ยอดค้าปลีกคาด +3.9%y-y จากเดิมอยู่ที่ +3.1%y-y,
• ติดตาม ครม. พิจารณา Entertainment Complex
• การประกาศงบไตรมาส 1/67 โค้งสุดท้าย อาทิ ICHI, OSP, AAV, AOT, BDMS, CRC, PTTGC, CPF, BGRIM, PTT, KCE, BJC, BEM, SAWAD และ BCH
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : แนะนำ
• BJC (TP-36): เก็งโอกาสเข้าดัชนี SET50 อีกครั้ง หลังเกณฑ์ใหม่มีผลตั้งแต่กลางปี
• ICHI (TP-23.2) : คาดกำไร 1Q24F ดีสุดใน 10ปี
• IVL (TP-26.5): คาด Spread PET ฟื้นต่อเนื่องตามเศรษฐกิจจีน+ฤดูกาล
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ากับ Nation STORY ว่า วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนพบว่า ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 67.4 จากก่อนหน้าที่ 77.2 และแย่กว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 76.3 และดัชนีความเชื่อมั่นต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
โดยถ้อยแถลงระบุว่าผู้บริโภคกังวลกับเงินเฟ้อพร้อมกับมองว่า สถานการณ์จ้างงานและดอกเบี้ยดูไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งความคาดหวังเงินเฟ้อถูกปรับขึ้นมาเป็น 3.5% จากเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 , 10 ปี ปรับขึ้น
อย่างไรก็ตาม มองเป็นเพียงการปรับขึ้นระยะสั้นและไม่น่าจะมีแรงกดดันอย่างมีนัยยะต่อตลาดหุ้น เพราะว่าความเห็นจาก CME FED Watch ยังประเมินว่า FED จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนด้วยโอกาส 49% (ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักจากช่วงก่อนหน้า)
ส่วนสัปดาห์นี้รอติดตามปัจจัยสำคัญอัน ได้แก่ เงินเฟ้อของสหรัฐฯในวันพุธช่วงเวลา 19.30 ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 3.4%YoY , 0.4% MoM หากรายงานต่ำกว่าคาดการณ์จะยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้น และวันอังคารติดตามดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.3%MoM หากรายงานแล้วแย่กว่าคาดการณ์จะเป็นปัจจัยบวกเช่นกัน
ขณะที่จีนรายงานเงินเฟ้อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาพบว่าขยายตัว 0.3%YoY ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 0.2% มองเป็นปัจจัยบวกเพราะแต่ละสำนักข่าวของต่างประเทศลงความเห็นตรงกันว่าสะท้อนอุปสงค์ที่ดีขึ้นของจีน มองเป็นบวกกับกลุ่ม China Play อาทิ (PTTGC, SCC, SCGP) ท่องเที่ยว (AOT, ,CENTEL, MINT)
ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามช่วงสุดท้ายของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลล่าสุดบริษัทจดทะเบียนใน SET INDEX รายงานออกมาแล้ว 256 บริษัทหรือคิดเป็น 63% Market Capitalization ของ SET Index มีกำไรสุทธิรวมกันที่ 1.8 แสนล้านบาท (-6%YoY , +60%QoQ)
สาเหตุที่กำไรขยายตัวสูง QoQ เป็นเพราะ TRUE , TU มีรายการพิเศษในช่วง 4Q23 หากไม่รวมรายการข้างต้นพบว่ากำไรขยายตัว 16%QoQ เชิงกลยุทธ์ยังแนะสะสมเช่นเดิมด้วย Valuation ที่น่าสนใจ Top Pick เลือก CPALL ,AOT KBANK, TIDLOR ,