ปมตึงเครียดตะวันออกกลาง ! ทุบหุ้นไทยดิ่ง-ดัชนีต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,332.08 จุด ลบ -28.94  จุด หรือ 2.13% โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุด  1,343.32  จุด ต่ำสุด 1,330.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57,497.73  ล้านบาท กับ Nation STORY ว่า ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก  หลังสถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางผันผวนสูง โดยดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี 

โดยช่วงเช้าเกิด “เหตุระเบิด” รุนแรงในเขตเมือง Isfaran ของประเทศอิหร่าน   หนุนราคาน้ำมันดิบและทองคำขึ้นแรง หลังตลาดกังวลว่าเป็นอิสราเอล และจะส่งผลต่อภาวะสงครามตอบโต้ไปมายืดเยื้อ  แต่ช่วงเที่ยงราคาโภคภัณฑ์ดังกล่าวเริ่มย่อตัวคลายลง  

ทีมกลยุทธ์ KCS จึงประเมินความเสี่ยง Base Case(ให้น้ำหนัก 60%  สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง แนวรับแรกที่ 1,340 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,300 จุด+- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมาก ๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019)  

ส่วนแนวต้านระยะสั้นให้ไว้ที่  1,365 จุด และ 1,380 จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น    ด้านกลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP

สรุปไทม์ไลน์สถานการณ์สงคราม

•  ช่วงเช้าวันนี้เกิดเหตุระเบิดขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุง Isfahan ประเทศอิหร่าน โดยหลังเกิดเหตุได้มีการรายงานข่าวถึงระบบเตือนภัยทางอากาศของอิหร่านทำงานทั่วทั้งประเทศ สำนักข่าวหลายแห่งรายงานว่าอาจจะเป็นการโจมตีโดยอิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีของอิหร่านเมื่อสัปดาห์ก่อน

• ต่อมากองทัพอิสราเอลได้ให้ความเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่าไม่มีความเห็นใด ๆ 

•  ล่าสุดทางการอิหร่านได้ออกมาเปิดเผยว่า เสียงระเบิดที่ได้ยินเกิดจากฝั่งอิหร่านได้ทำการโจมตีวัตถุต้องสงสัยที่เคลื่อนเข้ามาใกล้พื้นที่ของอิหร่าน โดยแจ้งว่าระบบการเตือนภัยทางอากาศที่ทำงานทั่วประเทศในช่วงเช้าเกิดจากการเปิดใช้งานของทางอิหร่านเอง และมิได้ตรวจพบการโจมตีด้วยจรวดมิสไซส์ใดๆในวันนี้ 

KCS ประเมินสถานการณ์สงครามเป็น  3 Scenario 

1. Worst Case(ให้น้ำหนัก 10%): สงครามรุนแรงและขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามในภูมิภาค (ประเทศพันธมิตรของทั้ง 2 ฝั่งเข้าร่วมรบ) ประเมินราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญฯ มอง SET Index มีโอกาสปรับฐาน โซนแนวรับสำคัญ 1210 จุด(ใกล้ Low ปี 2557 และ อิง PER 2024F 13เท่า ลดลงจากปัจจุบันไปอีก -1.5X)

โดยกลยุทธ์แนะหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขึ้น PTTEP, PTT, TOP, SPRC เน้น PTTEP,  TOP  

2. Base Case (ให้น้ำหนัก 60%) : สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง, ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆแกว่งตัวลง วางแนวต้านของน้ำมันที่ 92 เหรียญฯต่อบาร์เรล มองแนวรับ 85/80 เหรียญฯต่อบาร์เรล  SET ประเมินจะแกว่งตัวออกข้าง แนวรับโซนแรกอยู่ที่ 1,340 จุด และแนวรับถัดไปที่ -1,300 จุด +- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X

ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมากๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019)  ส่วนแนวต้านสั้น 1,365 จุด และ 1,380 จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น  โดยซึ่งกลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP 

3. Best Case(ให้น้ำหนัก 30%)  : สงครามจบไว ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลง ต่ำ 83.6 เหรียญฯ SET Index  มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 1400 จุด ได้ไวใน 1 สัปดาห์ ด้านกลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นที่ลงแรงและพื้นฐานดี ได้ประโยชน์น้ำมันลงเน้น  BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP  AAV,HANA, MTC

ด้านมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,767.86 ล้านบาท บัญชีบล. ขายสุทธิ 832.01 ล้านบาท ในประเทศซื้อสุทธิ 3,858.48 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิซื้อสุทธิ  741.40 ล้านบาท

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,766.49 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,677.86 ล้านบาท ปิดที่ 138.50 บาท ลดลง 5.00 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,330.35 ล้านบาท ปิดที่ 54.75 บาท ลดลง 0.75 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 2,297.37 ล้านบาท ปิดที่ 30.25 บาท ลดลง 1.00 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,235.56 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 2.50 บาท