svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

รัฐฝ่าแรงต้านเดินหน้า "ดิจิทัลวอลเล็ต" ธปท.ห่วงยืมมือ ธ.ก.ส. แจกเงิน

17 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รัฐเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต เตรียมเปิดลงทะเบียนไตรมาส 3 /67 ใช้จ่ายได้ไตรมาส 4 /67 ขณะที่ธปท.ห่วงยืมมือธ.ก.ส. ใช้มาตรา 28 แจกเงินดิจิทัลย้ำต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.เงินตรา ด้านศิริกัญญาไม่เชื่อโครงการจุดเศรษฐกิจติด ขณะที่อดีตขุนคลังเผยล้วงเงิน ธ.ก.ส. ส่อผิดกฏหมาย

ใกล้ความเป็นจริงเข้ามาแล้ว สำหรับโครงการ "ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท"   หลังที่ประชุมบอร์ด Digital Wallet  ซึ่งมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เคาะรายละเอียดด้านต่างๆ เดินหน้าโครงการเรือธงของรัฐบาล เพื่อยกระดับเศรษฐกิจทั้งระดับประเทศและระดับประชาชน พร้อมยืนยันว่า การดำเนินโครงการนี้ เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ

รวมทั้งอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด โดยประชาชนและร้านค้าจะได้ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนได้ในไตรมาสสาม และเงินจะส่งตรงถึงพี่น้องประชาชนในไตรมาสสี่ปีนี้

กลุ่มเป้าหมาย

- ประชาชนจำนวนประมาณ 50 ล้านคน

- อายุเกิน 16 ปี เดือนที่มีการลงทะเบียน

- ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี

- มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

รัฐฝ่าแรงต้านเดินหน้า "ดิจิทัลวอลเล็ต"  ธปท.ห่วงยืมมือ ธ.ก.ส. แจกเงิน

เงื่อนไขการใช้จ่าย ระหว่างประชาชนกับร้านค้า

- ใช้จ่ายเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ (878 อำเภอ) โดยกำหนดให้ใช้จ่ายกับร้านค้าขนาดเล็กที่ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดเท่านั้น

- ระหว่างร้านค้ากับร้านค้า ไม่กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเชิงพื้นที่ระหว่างร้านค้ากับร้านค้าในระดับอำเภอและขนาดของร้านค้า การใช้จ่ายเงินสามารถใช้จ่ายได้หลายรอบ

- โดยรอบที่ 1  จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็กเท่านั้น (ตามกระทรวงพาณิชย์กำหนด)

- รอบที่ 2 ขึ้นไป จะเป็นการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้าโดยไม่จำกัดขนาดร้านค้า

- ประเภทสินค้า สินค้าทุกประเภทสามารถใช้จ่ายผ่านโครงการฯ ได้ ยกเว้น สินค้าอบายมุข น้ำมัน บริการ และออนไลน์ เป็นต้น และสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะกำหนดเพิ่มเติม

รัฐฝ่าแรงต้านเดินหน้า "ดิจิทัลวอลเล็ต"  ธปท.ห่วงยืมมือ ธ.ก.ส. แจกเงิน

คุณสมบัติร้านค้า ที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการฯ ต้องเป็นร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ดังนี้

- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร

- ภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ร้านค้าไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันทีหลังประชาชนใช้จ่าย แต่ร้านค้าจะสามารถถอนเงินสดได้เมื่อมีการใช้จ่ายตั้งแต่ในรอบที่ 2

- การจัดทำระบบ จะเป็นการพัฒนาต่อยอดของรัฐบาลดิจิทัลโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีเป้าหมายให้เป็น Super App ของรัฐบาล

ซึ่งการใช้งานจะพัฒนาให้สามารถใช้จ่ายได้กับธนาคารอื่นๆ ในลักษณะ open loop ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการจัดทำของภาครัฐ รัฐบาลจะดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปอย่างรอบคอบ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ตามกฎหมาย

เงินดิจิทัลวอลเล็ตมาจาก  3 ส่วน

1. เงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท  ซึ่งได้ขยายกรอบวงเงินงบประมาณในปี 2568 เรียบร้อยแล้ว

2. การดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐ จำนวน 172,300 ล้านบาท  โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกร  จำนวน 17 ล้านคนเศษ ผ่านกลไกมาตรา 28 ของงบประมาณปี 2568

3. การบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของรัฐบาล จำนวน 175,000 ล้านบาท  ซึ่งงบประมาณปี 2567 เพิ่งเริ่มใช้ จึงมีเวลาที่รัฐบาลจะพิจารณาว่ารายการใดที่จะสามารถปรับเปลี่ยนได้  รวมถึงงบกลาง ก็อาจนำมาใช้เพิ่มเติมในส่วนนี้ถ้าวงเงินไม่เพียงพอ รวมวงเงินส่วนที่ 1- 3 เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท

ด้านมุมมองของ "น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์"  ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังมีความเป็นห่วงเงินที่ใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตส่วนหนึ่งมาจากมาตรา 28 แห่ง  พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ควรต้องผ่านกระบวนการหลักเกณฑ์ถูกต้องครบถ้วน 

โดยต้องมองทั้งเรื่องเสถียรภาพ สภาพคล่องที่ต้องพิจาณา ถ้าดำเนินการได้ตามปกติ ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.เงินตรา ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ ธปท.มองไว้

สำหรับ ท่าที ธปท. คือให้ทำเฉพาะกลุ่ม  เพื่อให้ความสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ ไม่กระทบเสถียรภาพการคลังเกินไป และอยากเห็นแนวทางปรับลดระดับหนี้สาธารณะ

 รวมถึงเรื่องระบบการชำระเงิน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นระบบใหม่ open loop ซึ่งมีความซับซ้อน ต้องใช้เวลาการทำ ระบบ และดูแลข้อมูลส่วนบุคคลได้ ต้องปลอดภัยต่อภัยไซเบอร์

ฝั่ง "น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล" รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มองว่า รัฐบาลอัดฉีดเงิน 5 แสนล้านบาทผ่านโครง การ "ดิจิทัลวอลเล็ต"  คิดเป็นมูลค่าเกือบ 3% ของจีดีพี  แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมารัฐบาลประเมินว่าจะอยู่ที่ 1.6% ของจีดีพีเท่านั้น เมื่อเทียบกับคาดการณ์จีดีพีฐานซึ่งอยู่ที่ 3.3% รวมกันแล้วก็ได้แค่ 4.9% 

ดังนั้นเป้าหมายที่รัฐบาลเคยบอกว่าจะทำให้จีดีพีโตเฉลี่ยได้ถึง 5% เป็นไปได้น้อยมาก แม้ว่าเศรษฐกิจจำเป็นต้องกระ ตุ้นให้มีกำลังการจับจ่ายใช้สอย  สะท้อนจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ออกมาในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 ทั้งกำลังซื้อที่อ่อนตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มฐานราก รายได้เกษตรกรที่ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 รวมถึงยอดขายรถจักรยานยนต์ และรถกระบะที่ติดลบต่อเนื่อง

ซึ่งเห็นว่าควรเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว แต่ล่าช้าไปอีก 6 เดือนข้างหน้า จึงไม่ทันกับสถานการณ์ และเมื่อพิจารณาการใช้นโยบายอัดฉัดเงินในระบบ ที่หลายประเทศเคยทำก็พบว่าผลของนโยบายอาจกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพียงช่วงไม่กี่ไตรมาสแรกแล้วกลับมาฟุบลงอย่างรวดเร็ว จึงไม่เชื่อว่าผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะจุดเศรษฐกิจติด แล้วทำให้เศรษฐกิจไปต่อได้ 

ฟาก "ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" อดีตรมว.คลัง มองว่า นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวยืนยันชัดเจนต่อ ประชาชนว่าสามารถทำได้แน่นอน โดยไม่ผิดกฎหมายใด ถึงขั้นประกาศกำหนดเวลาแจกเงินไว้ด้วย และเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรีของไทยใช้การพิจารณาแบบเอกฉันท์

ดังนั้น ถ้ามีรัฐมนตรีทักท้วงคัดค้านแม้แต่เพียงรายเดียว อาจจะเห็นว่าผิดกฎหมาย หรืออาจจะต้องการให้มีการศึกษาให้รอบคอบมากขึ้น ในการประชุม  ครม. ก็จะไม่สามารถมีมติเห็นชอบดิจิทัลวอลเล็ตได้ โครงการนี้ก็ต้องถือว่าจบบริบูรณ์โดยปริยาย

 ถ้าจะมีรัฐมนตรีรายใดเลี่ยงไม่เข้าประชุม รัฐมนตรีทั้งหมดก็จะต้องร่วมกันรับผิดชอบอยู่ดี เพราะจะมีการส่งรายงานการประชุมไปให้แก่ทุกกระทรวง  เว้นแต่รัฐมนตรีรายที่ไม่เห็นด้วยกับมติ จะทำหนังสือคัดค้านโดยพลัน

นอกจากนี้กรณีรัฐบาลขอธกส. ให้เงินกู้แก่เกษตรกรไปก่อน โดยรัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล ไปให้ล้างหนี้ให้แก่เกษตรกรภายหลังรายละ 10,000 บาท นั้น ก็จะฝ่าฝืนวัตถุประสงค์ธ.ก.ส.หรือไม่  เพราะ ธกส. จะไม่ได้พิจารณาการให้กู้ยืมเงินบนพื้นฐานของการทำเกษตรกรรม แต่จะเป็นการพิจารณาการ ให้กู้ยืมเงินบนพื้นฐานของเงินที่จะได้รับจากดิจิทัลวอลเล็ตเป็นสำคัญ อันอาจจะเข้าข่ายเป็นการรับใช้รัฐบาลกระทำนิติกรรมอำพราง

" ธกส." เป็น "ธนาคาร" การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรตามมาตรา 9 จึงต้องกระทำโดยการ ให้กู้ยืมเงิน และ ธกส. ย่อมไม่มีอำนาจหน้าที่ที่จะทำตัว เป็นเครื่องมือแก่รัฐบาลสำหรับแจกเงินดิจิทัลซึ่งไม่ใช่กิจกรรมด้านการธนาคาร 

ส่วนซูเปอร์แอป กลไกควบคุมดิจิทัลวอลเล็ตนั้นดูว่ามีการใช้บล็อกเชน ซึ่งทำให้เป็นเงินดิจิทัล หรือไม่ถ้าไม่ใช้บล็อกเชนจะไม่ตรงปกเนื่องจากพรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้จะจ่ายเป็นเงินดิจิทัล

การผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล เหลืออีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ คือการตีตราประทับเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. ซึ่งแม้คาดว่าจะผ่านได้ไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องรอดูว่าพรรคร่วมรัฐบาล จะมีเงื่อนไขหมายเหตุอะไรให้ผู้นำรัฐบาลต้องมาแก้ปัญหาอีกหรือไม่

เพราะโครงการขนาดใหญ่ ใช้เงินมหาศาล และฝ่าเสียงวิจารณ์มากมายขนาดนี้ หากตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายไปแล้ว ก็คงต้องลุ้นกันไปถึงปลายทาง ว่าจะมีเหตุไม่พึงประสงค์ ย้อนกลับมาให้ต้องร่วมรับผิดชอบภายหลังอีกหรือไม่.....

logoline