svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

อสังหาฯ แข่งดุ ! โหมเปิดโครงการ 2.94 แสนล้าน-สร้างจุดขายชิงตลาด

18 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตลาดอสังหาริมทรัพย์แข่งเดือด บิ๊กเนมทุ่มงบเต็มสูบ เปิดตัวโครงการบ้านแนวราบ-แนวสูงกันคึกคัก จับกลุ่มเศรษฐีกระเป๋าหนัก หลังยอดปฏิเสธสินเชื่อระดับล่างพุ่ง สร้างจุดเด่นโครงการฉีกคู่แข้งล่อลูกค้า

 แม้เศรษฐกิจไทยในปีมังกรจะเผชิญความท้าทายจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภคหด และดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง แต่การลงทุนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่แผ่ว เห็นได้จากผู้ประกอบการหลายค่ายเปิดตัวโครงการกันอย่างคึกคักรองรับดีมานด์จากลูกค้ากระเป๋าหนักในประเทศ

รวมถึงความต้องการจากลูกค้าต่างชาติที่มีเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะตลาดใหม่อย่าง ไต้หวัน เมียนมา ฮ่องกง โดยแต่ละค่ายจะมีอภิมหาโปรเจกต์โครงการมากแค่ไหน และใช้งบลงทุนเท่าไหร่  Nation STORY ได้รวมรวมข้อมูลโดยมีรายละเอียดดังนี้

เริ่มจาก บมจ. แสนสิริ เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และตลาดต่างจังหวัด โดยเพิ่มสัดส่วนของโครงการบ้านลักซ์ชัวรี่มากขึ้น  ตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาทและเป้าหมายยอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท

โครงการไฮไลท์ในปีนี้กลุ่ม Sansiri Luxury Collection ได้แก่ บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ‘นาราสิริ บางนา กม. 10’ มูลค่าโครงการ 3,800 ล้านบาท ราคา 45 – 70 ล้านบาท  และเศรษฐสิริรวม 7 โครงการ มูลค่ารวม 14,400 ล้านบาท

ขณะที่ ธุรกิจแนวสูง มีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียม 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท เน้นขยายลงทุนไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น โดยมีไฮไลท์ คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ ได้แก่ เดอะ สแตนดาร์ดเรสซิเด้นซ์หัวหิน มูลค่าโครงการ 4,100 ล้านบาท Branded Residence แห่งแรกในเอเชียและแห่งที่ 3 ของโลก ภายใต้เดอะ สแตนดาร์ด แบรนด์บูทีคโฮเทลและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก

โดยในปีนี้เตรียมโอน 10 คอนโดมิเนียม มูลค่า 14,000 ล้านบาท  อาทิ เดอะ เบส ดาวน์ทาวน์ ขอนแก่น, เดอะ เบส ไฮท์ - เชียงใหม่, เดอะไลน์ ไวบ์, ดีคอนโด แซนด์ หาด ใหญ่, ดีคอนโด เวล ศรีราชา, ดีคอนโด รีฟ ภูเก็ต, เวย์ อยุธยา, ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต, ดีคอนโด แอร์ ลาดกระบัง และดีคอนโด ชายน์ รังสิต

อสังหาฯ แข่งดุ ! โหมเปิดโครงการ 2.94 แสนล้าน-สร้างจุดขายชิงตลาด

ตามติด บมจ. เอพี ไทยแลนด์  ขยายโครงการในแบบ  Aggressive Growth ด้วยแนวคิด นวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ เพื่อชีวิตดี ๆ ที่เลือกได้ โดยวางแผนเปิด 48 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 58,000 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 23,000 ล้านบาท

ทาวน์โฮมและบ้านแฝด 23 โครงการ มูลค่า 19,300 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 12,500 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,200 ล้านบาท โดยจังหวัดใหม่ สงขลา สุพรรณบุรี และระยอง และโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (ongoing projects) จำนวน 164 โครงการ เป็นคีย์สำคัญสร้างรายได้ต่อเนื่อง

ไฮไลต์สำคัญปีนี้ได้รุกโครงการ ซูเปอร์ลักชัวรี่  (Super Luxury) ระดับราคา 100 ล้านบาทเป็นครั้งแรก กับสินค้าแบรนด์ THE PALAZZO เป็นคฤหาสน์หรู ออกแบบให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย พื้นที่ใช้สอยมากกว่า 1,000 ตารางเมตร ใน 2 ทำเล กรุงเทพกรีฑาและปิ่นเกล้า รวมถึง แบรนด์ บ้านกลางกรุง บ้านเดี่ยวในเมือง ทำเลสาธุประดิษฐ์

อสังหาฯ แข่งดุ ! โหมเปิดโครงการ 2.94 แสนล้าน-สร้างจุดขายชิงตลาด


ถัดมาคือ บมจ.ศุภาลัย  มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่งคง ด้วยศักยภาพทางการเงินที่เข้มแข็ง โดยเปิดตัวโครงการมากที่สุด 42 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาทครอบคลุมมากถึง 29 จังหวัดทั่วประเทศ

โดยบ้านแนวราบเปิดตัวมากสุดถึง 38 โครงการ มูลค่ารวม 43,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท พร้อมลุยเปิดตลาดอสังหาฯเพิ่ม 3 จังหวัดใหม่ในทำเลศักยภาพ ได้แก่ ลำปาง ราชบุรี ลพบุรี โ ดยในไตรมาสแรกมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบทั้งหมด 14 โครงการ รวมมูลค่า 14,990 ล้านบาท

ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียม สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ช่วงไตรมาส 1-3 มีจำนวน 5 โครงการ ได้แก่ ศุภาลัย ไอคอน สาทร, ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร, ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ, ซิตี้โฮม สนามบินน้ำ-รัตนาธิเบศร์ และซิตี้โฮม ระยอง  มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้รายได้เข้าหนุนผลประกอบการในปีนี้ โดยตั้งเป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท เป้าหมายรายได้รวม 36,000 ล้านบาท   และจัดสรรงบประมาณจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท

ขณะที่บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ไม่น้อยหน้า  เปิดตัวโครงการใหม่ 35 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 37,000 ล้านบาท หากแบ่งตามประเภทโครงการ ประกอบด้วย บ้านจัดสรร ภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เน้นกลุ่มบ้านเดี่ยว บ้านแฝด 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 17,000 ล้านบาท

คอนโดมิเนียม ภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิลคอร์ปอ เรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL จำนวน 15 โครง การ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท โดย หากแบ่งตามทำเลที่ตั้งโครงการ แบ่งเป็น กรุงเทพฯและปริมณฑล ประมาณ 52% และจังหวัดท่องเที่ยว จังหวัดเศรษฐกิจสำคัญ และจังหวัดอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ ชลบุรี พัทยา ภูเก็ต ขอนแก่น ประมาณ 48%

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมในแถบกรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะยังคงเดินหน้าขยายอาณาจักร Origin Pet Family อย่างต่อเนื่อง ตอบรับการเติบโตของกลุ่มคนโสดที่มีรายได้ แต่ไม่มีลูก  และกลุ่มคู่รักที่มีรายได้ทั้งคู่แต่ไม่มี ที่หันมาเลี้ยงสัตว์เสมือนลูกมากขึ้น

ด้านบมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์  (SENA) ลุยเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้าน 5 โครงการ และคอนโด 12 โครงการ ขณะที่ยอด Pre sales ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 17,500 ล้าน และเป้าโอนที่ 12,700 ล้าน สำหรับธุรกิจบริหารโครงการและบริการ ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,400 ล้าน ขณะที่ธุรกิจพลังงานสะอาดคาดว่ามีรายได้ 1,000 ล้านบาท

ฝั่ง บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น สยายปีกเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 15 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ล้านบาท  โดยในไตรมาส 1 จะเปิดโครงการ 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด” และ “บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์” ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำบ้านหรู นอกจากนี้ยังมีแบรนด์บ้านใหม่ Connoisseur (คอนนาเซอร์) บ้านระดับอัลตร้าลักชัวรีราคาเริ่มต้น 80 ล้านบาท

1.โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-กม.15   มูลค่า 2,900 ล้านบาท เป็นคฤหาสน์หรู 2 ชั้น 3 แบบบ้าน New Series ที่ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่และสง่างามของสถาปัตยกรรม ‘โกธิค’ พระราชวังของกษัตริย์และอัศวินอันทรงเกียรติแห่งเกาะโรดส์ PALACE OF THE GRAND MASTER, GREECE สู่คฤหาสน์หรูที่จะสะท้อนรสนิยมของผู้อยู่อาศัยได้จริง

2. โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ บางแค  มูลค่า 1,850 ล้านบาท บ้านหรูซีรีส์ใหม่ MODERN COLONNADE STYLE ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘พิพิธ ภัณฑ์การเดินเรืออัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์’ มาสร้างสรรค์การพักผ่อนอันเหนือระดับในบ้านของคุณเอง โดดเด่นตั้งแต่หน้าโครงการด้วย LUXURY CLUBHOUSE ดีไซน์หรูสะดุดตา พร้อมด้วย FACILITY ครบครันพร้อม นวัตกรรมใหม่

ขณะที่ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์  มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น เปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 18,608 ล้านบาท คือ 2 โครงการคอนโดระดับแฟลกชิพ พร้อมจับมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก และ 5 โครงการแนวราบในทำเลศักยภาพ ตั้งเป้ายอดขาย 23,000 ล้านบาท โต 18% 

โดยในปี  2566 มียอดขาย 19,535 ล้านบาท เติบโต 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน  มียอดโอน 13,186 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมียอดขายตลาดต่างประเทศ 6,989  ล้านบาท เติบโตกว่า 102% เมื่อเทียบกับปีก่อนนอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายปิดการขาย 8 โครงการ ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ มูลค่ากว่า 19,962 ล้านบาท

ฟากบมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค  มีแผนเปิด 7 โครง การใหม่ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 6,290 ล้านบาท ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,410 ล้านบาท เป็นแนวราบทั้งหมดโฟกัสกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน   

โครงการไฮไลท์ ได้แก่ เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์-รัตนา ธิเบศร์ ซึ่งเป็นการกลับมาสานต่อความสำเร็จของแบรนด์เพอร์เฟค เพลส ในโซนกรุงเทพตะวันตก ทำเลที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและได้รับการตอบรับอย่างดีมากว่า 20 ปี “วาวิล่า”

โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นจับกลุ่มลักซ์ชัวรี่เพิ่มเติมในทำเลกรุงเทพกรีฑา และยังมีการขยายโครงการในทำเลใหม่ ได้แก่  โมดิ วิลล่า สถานีคูคต  เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

โดยปีนี้กลุ่มบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 20,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 9,750 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,540 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 4,460 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท ขณะที่รายได้ปีนี้ตั้งไว้ที่ 18,000 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 8,600 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,380 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 3,770 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท

ด้านบมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 6,520 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย 1 โครงการ มูลค่า 980 ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 5 โครงการ มูลค่า 5,540 ล้านบาท

โดยเป็นโครงการที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล เป็นหลัก  โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2567 ที่ 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับยอดขายที่ 10,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 ขณะที่บริษัทมีงบลงทุนเพื่อซื้อที่ดินในปี 2567 ที่ 1,000 - 2,000 ล้านบาท

ปิดท้าย บมจ.ธนาสิริ กรุ๊ป ประกาศเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท เป็นโครงการที่พัฒนาโดยธนาสิริ กรุ๊ป จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 400 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนกับอนาบูกิโคซัน จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 2,100 ล้านบาท จาก 4 ปีที่ผ่านมาร่วมทุนมาแล้ว 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท

ทั้งนี้โครงการที่เปิดใหม่นอกจากอยู่ในทำเลหลักแถวนนท บุรีแล้ว ยังขยายตัวสู่ทำเลอื่นที่มีศักยภาพ อย่างโซนบางนา และสุขาภิบาล ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ตั้งแต่กลุ่มที่เพิ่งเริ่มสร้างครอบครัว ถึงกลุ่มที่มีความมั่นคงทางรายได้ โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800 ล้านบาท

ท่ามกลางตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการแข่งขันสูงทำให้หลายค่ายชูจุดขาย จุดเด่นของโครงการเพื่อดึงดูดลูกค้ากันมากขึ้น ขณะที่บางรายเบนเข็มหันไปจับกลุ่มลูกค้าระดับบนและกลาง หลังตลาดล่างมีปัญหายอดปฏิเสธพุ่งกว่า 50% และคงต้องรอดูว่าภาครัฐจะมีมาตรการขับเคลื่อนอสังหาฯ อะไรบ้าง เพื่อแก้ปมร้อน แบงก์คุมเข้มปล่อยกู้ และหนุนให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตฝ่ากระแสเศรษฐกิจซบเซาไปให้ได้....

logoline