นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือนม.ค.ที่ผ่านมา ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 54 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 14 ราย
การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 40 ราย เงินลงทุนรวม 7,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,042 ล้านบาท หากเทียบม.ค.66 เงินลงทุน 5,129 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 172 คน
ต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1. ญี่ปุ่น 15 ราย คิดเป็น 28% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 3,793 ล้านบาท
- ธุรกิจบริการที่เป็นคู่สัญญากับภาคเอกชน โดยเป็นการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์สำหรับโรงงานผลิตอะเซทีลีนแบล็ก (Acetylene Black Plant)
- ธุรกิจบริการกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยเป็นการให้บริการแพลตฟอร์มกลางในการจัดหาแม่บ้าน/พนักงานทำความสะอาด
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (กระป๋องอลูมิเนียม ชิ้นส่วนรถยนต์/อุปกรณ์สำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม)
2. สิงคโปร์ 7 ราย คิดเป็น 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,083 ล้านบาท
- ธุรกิจบริการ Data Center
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
- ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือให้บริการ (ซอฟต์แวร์บริหารทรัพยากรบุคคลและเงินเดือน/ซอฟต์แวร์จัดการภายในร้านอาหาร)
3. จีน 7 ราย คิดเป็น 13% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 768 ล้านบาท
- ธุรกิจบริการให้เช่านั่งร้านขนาดใหญ่ (Scaffolding) สำหรับค้ำยันรับน้ำหนักที่ใช้ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยารักษาโรค อุปกรณ์กีฬา)
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนเบาะรถยนต์ Specialty Coated Plastic Labels and Packaging Films)
4. สหรัฐอเมริกา 6 ราย คิดเป็น 11 %ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 26 ล้านบาท
- ธุรกิจบริการออกแบบ ติดตั้ง พัฒนา ปรับปรุง ยกระดับ ดูแล บำรุงรักษา เชื่อมโยง และให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น
- ธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม และบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (เคมีภัณฑ์/เครื่องปรุงรส/สารและวัตถุเจือปนอาหาร)
5. ฮ่องกง 4 ราย คิดเป็น 7% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 264 ล้านบาท
- ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ รวมทั้งฝึกอบรมในด้านการจัดการร้านอาหารและคาเฟ่ภายในร้านจำหน่ายสินค้า
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ผลิตภัณฑ์กลุ่มภาพและเสียง (Audio Visualproduct) ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับสำนักงาน)
- ธุรกิจบริการแก่ธุรกิจสร้างภาพยนตร์ โดยเป็นการบริการประสานงานภาพยนตร์จากต่างประเทศที่มาถ่ายทำในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้นมีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการบริการลูกค้าระดับสูงและการจัดการลูกค้าสัมพันธ์
ความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณภาพวัสดุโพลียูรีเทนโฟม เทคโนโลยีนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ทางคลินิก ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน และการออกแบบนั่งร้านที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เป็นต้น
สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 17 ราย คิดเป็น 31 % ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 2,296 ล้านบาท คิดเป็น 32 % ของของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจาก
- ญี่ปุ่น 5 ราย ลงทุน 476 ล้านบาท
- จีน 5 ราย ลงทุน 462 ล้านบาท
- เกาหลี 2 ราย ลงทุน 280 ล้านบาท
- ประเทศอื่น ๆ อีก 5 ราย ลงทุน 1,078 ล้านบาท
ธุรกิจที่ลงทุน
- ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนยานพาหนะไฟฟ้า
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น ให้คำแนะนำในการติดตั้งระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องจักร
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม Capacitor ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ทำความสะอาดทุกประเภท)