svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

นักลงทุนต่างชาติ-สถาบันเทกระจาดหุ้นไทย ทุบดัชนีดิ่ง

17 มกราคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตลาดหุ้นไทยดิ่ง 21.07 จุด สอดรับตลาดหุ้นภูมิภาค แรงกดดันจากบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง หลังประธานเฟดคาดลดดอกเบี้ยไม่สูงถึง 6 ครั้ง ตามตลาดคาดการณ์ ผสมโรงเศรษฐกิจจีนแผ่วกดดัชนี ประเมินกรอบพรุ่งนี้ที่ 1,365- 1,400 จุด

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ  1,380.65  จุด ลบ  21.07จุด หรือ -1.50%  โดยระหว่างวันดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุด  1,397.97 จุด ต่ำสุด 1,378.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 56,707.53 ล้านบาท กับ Nation Onlineว่า

ตลาดหุ้นไทยร่วงลงหลุด 1,400 จุด สอดคล้องกับประเทศในฝั่งเอเซียส่วนใหญ่ที่แดงยกแผงแรงกดดันมาจาก    1. Bond Yield 10 ปีสหรัฐปรับขึ้น หลังกรรมการ Fed นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด คาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ คาดว่าจะไม่สูงถึง 6 ครั้ง ตามที่ตลาดคาดการณ์

2. จีนรายงาน GDP Growth 4Q23 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย  โดยทุก Sector ปรับลงในทางเดียวกัน แต่กลุ่มที่กดดัชนีหลัก ๆ คือ พลังงาน (PTTEP, EA, PTT) กลุ่มขนส่ง (AOT) กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, HMPRO)  ฯลฯ   โดยหุ้นที่ปรับตัวลง เช่น AMATA -7.8%, WHA -5.4%, ROJNA -3.97%, PIN -2.7% 

กลุ่มนิคมมีข่าวลบหลัง KIA  บริษัทผลิตรถยนต์เกาหลีใต้ ประกาศล้มแผนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในไทย เชิงพื้นฐาน  KCS ประเมินข่าวดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงลบต่อกลุ่มนิคม  โดยประมาณการกำไรหุ้นนิคมที่เราศึกษายังไม่ได้รวมเรื่อง KIA เข้าไปในประมาณการณ์  “จึงยังคงประมาณการเดิม”  ในเชิงกลยุทธ์ : ระยะสั้นแนะนำชะลอการลงทุน แต่นักลงทุนระยะยาว แนะถือลงทุน หรือหาจังหวะทยอยสะสม


 


 
 

นักลงทุนต่างชาติ-สถาบันเทกระจาดหุ้นไทย ทุบดัชนีดิ่ง


🛠HMPRO -5.1% ราคาหุ้นลดลง เป็นผลมาจาก 1. จิตวิท ยาลบที่ปกคลุมกลุ่มค้าปลีก จากการเลื่อน Digital Wallet ไม่มีกำหนด  2. นักลงทุนลดความเสี่ยงก่อนประกาศงบ 4Q23 (ปลาย ม.ค.) มีแนวโน้มไม่สดใส ทั้งนี้ หากมองหุ้นที่ Underperform ตอบรับความเสี่ยงไปแล้ว และมีปัจจัยเร่งภาพบวกอานิสงส์นโยบาย Easy E-Receipt รออยู่ นักลงทุนให้มองเป็นจังหวะซื้อเพื่อระยะกลางถึงยาว จากฐานกำไรปี 2024 ที่น่าจะฟื้นตัว 12.4% y-y  

หุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีนปรับตัวลง เช่น IVL -4.23% SCGP -3.7% BABA80 -2.5%, PTTGC -1.4% หุ้นและ DR ที่เชื่มโยฃกับจีนปรับลงรับ เช้านี้จีนรายงาน GDP Growth 4Q23 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด

⛴TTA -3.15%, PSL -4.85%  หุ้นกลุ่มเรือเทกองปรับลงรับ ดัชนีค่าระวางเรือ BDI -2.65%d-d และ -36.7%mtd   

🐟TU +2.74%

ปรับขึ้นจากมุมมองมองบวก ในระยะยาวเพราะการด้อยค่าเงินลงทุนใน Red Lobster เต็มจำนวนทำให้ไม่ต้องกังวลต่อผลการดำเนินงานของ RL ที่ยากเกินเยียวยา และ TU จะได้ทุ่มเทกับ core business คืออาหารทะเลกระป๋อง แช่แข็ง และ petfood รวมทั้งการพัฒนาสินค้าใหม่ได้เต็มที่ เราแนะนำ Buy ด้วย TP เพิ่มมาที่ 17.5 บาทเดิม 16.2 บาท เพราะการเอา RL ออกจากประมาณการทำให้กำไรสุทธิปี 2024F สูงกว่าคาดเดิม +8%  แนะนำซื้อ 

ด้านมูลค่าการซื้อขายวันนี้พบว่า ต่างประเทศขายสุทธิ  5,749.49 ล้านบาท บัญชีบล.ขายสุทธิ -540.81 ล้านบาท
ในประเทศซื้อสุทธิ 6,186.8 ล้านบาทสถาบันซื้อสุทธิ  103.44  ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม มองตลาดแนวรับแรกที่ 1,380 จุดแนวรับถัดไปที่ 1,365 จุด แนวต้านแรกที่ 1,396 จุด แนวต้านที่ 1,400 จุด

 

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,787.91 ล้านบาท ปิดที่ 33.50 บาท ลดลง 0.25 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,351.71 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 2.00 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,006.80 ล้านบาท ปิดที่ 61.25 บาท ลดลง 1.75 บาท

TU มูลค่าการซื้อขาย 1,915.13 ล้านบาท ปิดที่ 15.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,834.31 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 1.50 บาท

นักลงทุนต่างชาติ-สถาบันเทกระจาดหุ้นไทย ทุบดัชนีดิ่ง

logoline