รายงานข่าวจากสมาคมค้าทองคำแจ้งว่า ราคาทองคำวันนี้ขึ้น 50 บาท โดยราคา gold spot นิวยอร์กปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2,002 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากเดิมอยู่ที่ 2,005 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่เงินบาทอ่อนค่าที่ระดับ 35.69 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมอยู่ที่ 35.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (8 ธ.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้น เนื่องจากเทรดเดอร์ได้ลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในเดือนมี.ค.ปีหน้า หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาด
ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 31.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 1.56% ปิดที่ 2,014.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และปรับตัวลง 3.4% ในรอบสัปดาห์นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงแรงงานสหรัฐแจ้งว่า ในวันศุกร์ (8 ธ.ค.66) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากระดับ 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%
นอกจากนี้การเปิดเผยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 69.4 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. และเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 62.0 จากระดับ 61.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม ตลาดมองว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดดังกล่าวนั้นได้บ่งชี้ว่า อาจเร็วเกินไปที่ตลาดจะคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐในต้นปีหน้า ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้ช่วยหนุนดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ แต่กดดันสัญญาทองคำ
ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า (12-13 ธ.ค.) ซึ่งตลาดคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมดังกล่าว
รายงานข่าวจาก บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด แจ้งว่า สัปดาห์นี้ต้องจับตาการประชุมของธนาคารกลางที่สำคัญ ได้แก่ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) กับการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่จะมีขึ้นในวันเดียวกันวันที่ 14 ธ.ค. นี้ คาดว่าธนาคารกลางทั้ง 3 แห่งจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเท่าเดิม แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจับตา คือการส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ทั้งนี้การประชุมธนาคารกลางสหรัฐในเดือนธ.ค.นี้ เฟดจะเปิดเผยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) ซึ่งจะเห็นมุมมองทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2567 โดยเฟดได้เปิดเผยครั้งล่าสุดในการประชุมเฟดเดือนก.ย. ชี้ว่าการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 5.6% ภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งสู่ระดับ 5.1% ในช่วงสิ้นปี 2567 และแตะ 3.9% ในช่วงสิ้นปี 2568 โดยแตะ 2.9% ในช่วงสิ้นปี 2569
ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5% ซึ่งแตกต่างจากที่ตลาดคาดว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ และเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 5 ครั้งในปี 2567 เหลือเพียง 4.00% -4.25% ภายในสิ้นปี 2567 โดยจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค.2567 ถือว่าเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจะสร้างความผันผวนให้ตลาดทองคำได้
โดยการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วนั้นอาจทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ปีนี้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค. นั้น คาดว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งอาจจะทำให้สกุลเงินยูโรอ่อนค่า ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น กดดันราคาทองคำระยะสั้น และคาดว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
โดยคาดว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วง Q1/67 หรืออย่างเร็วที่สุดที่ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนมี.ค.2567 และมองว่าทั้งปี 2567 ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1.50% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
สำหรับการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้เช่นกัน แต่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 นั้นอาจเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยลงช้ากว่าธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรป โดยคาดว่าปี 2567 ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 4 ของปี 2567 โดยจะปรับลดลง 0.50% ในไตรมาสดังกล่าว
ราคาทองคำได้เกิดแรงเทขายออกมาอย่างหนัก หลังจากที่ราคาทองคำปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time high) ที่ 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่แท่งเทียนของราคาทองคำรายวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกิดแท่งเทียนสีแดงแท่งยาว และปิดตลาดต่ำกว่าราคาปิดวันก่อนหน้า และราคาทองคำรายสัปดาห์ก็ปิดตลาดต่ำกว่าราคาปิดสัปดาห์ก่อน
ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ ส่งผลให้สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำไม่ดีนัก ระยะสั้นจึงคาดว่าราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงมาสู่ระดับ 1,940-1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งบริเวณนี้คาดว่าอาจมีแรงซื้อกลับเข้ามา สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ วันที่ 12-13 ธ.ค. การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค. นี้
โดยสัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์และ 1,940 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,020 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และแนวต้าน 2,036 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 33,400 บาท และ 33,250 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 33,900 บาท และ 34,100 บาท
ราคาทองรูปพรรณ (รวมค่ากำเหน็จ)
ทองครึ่งสลึง 4,725 บาท
ทอง 1 สลึง 8,950 บาท
ทอง 2 สลึงหรือ 50 สตางค์ 17,400 บาท
ทอง 1 บาท 34,300 บาท