svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

ลุ้นหุ้นไทยไปต่อ ! ส่องหุ้นเด่นตัวไหนน่าเก็งกำไรระยะสั้น

10 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

โบรกประเมินหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งในกรอบ 1,353-1,406 จุด แรงหนุนจากการประชุมเฟดคาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25 - 5.5% ขณะที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัว จับตากองทุน  TESG คึกคักมากน้อยแค่ไหน  หุ้นตัวไหนเด่นตามไปส่องกันเลย

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยกับ Nation Onlineว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งในกรอบ แนวต้านแรกที่ 1,393 จุด แนวต้านถัดไปที่  1,406 จุด แนวรับแรกที่ 1,366 จุด แนวรับถัดไปที่ 1, 353 จุด

โดยปัจจัยหลักมาจากต่างประเทศ แม้ค่อนไปทางบวก จากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FOMC ที่เชื่อผ่อนคลายมากขึ้น และรายงานเศรษฐกิจจีนที่ออกมาเป็นภาพฟื้นตัว แต่ความเชื่อมั่นตลาดที่ลดลง ทำให้ยังต้องติดตามเม็ดเงินใหม่หนุนจากกองทุน TESGมองหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์ Yield ผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหนุนเศรษฐกิจระยะถัดไปฟื้นตัว

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

  •  14 ธ.ค. ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ตลาดคาดว่าจะเห็นการคงดอกเบี้ยนโยบายระดับ 5.25 - 5.5% แต่จุดที่ตลาด จะติดตามเพิ่มเติม คือ รายงาน Dot Plot หากมีภาพที่ปรับลดลงจากเดิม 25-50 bps จะหนุนสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ ติดตามคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้าของสหรัฐฯ
  • 15 ธ.ค. ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจจีน พ.ย.  โดย การผลิตภาคอุดสาหกรรม ตลาดคาด +5.7% y-y จากเดิมอยู่ที่  4.6%y-y  ดัชนีค้าปลีก คาด +12.4% y-y จากเดิมอยู่ที่  7.6%y-y  การลงทุนสินค้าคงทน คาด +3% y-y  จากเดิม 2.9% y-y   การลงทุนภาคอสังหาฯ คาด -9.4% y-y จากเดิม -9.3%y-y

อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับความเชื่อมั่นนักลงทุนภายในที่ต่ำลงมาก มองติดตามความคึกคักของเม็ดเงินจากกองทุน TESG ว่าจะมีความคึกคักมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ หากภาพเป็นไปตามรูปแบบ LTF และ SSF คาดเม็ดเงินใหม่ปีนี้ประมาณ 1 -1.5 หมื่นล้านบาท

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ

  •  AOT (TP85.25):  Deep Value+ลุ้นเม็ดเงินกองทุน TESG หนุน 520-779 ล้านบาท
  • IVL (TP30) : ลุ้นเศรษฐกิจจีนฟื้นหนุน+เม็ดเงิน TESG หนุน 123-184 ล้านบาท
  • SAWAD(TP53): ลุ้นจิตวิทยา Yield เม็ดเงิน TESG หนุน 55-83 ล้านบาท

ลุ้นหุ้นไทยไปต่อ ! ส่องหุ้นเด่นตัวไหนน่าเก็งกำไรระยะสั้น

บล.กสิกรไทยแจ้งว่า  ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้าประเมินแนวรับแรกที่ 1,365 จุดและแนวรับถัดไปที่  1,350 จุด ขณะที่แนวต้านแรกอยู่ที่ 1,400 และแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,410 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้อง ติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (12-13 ธ.ค.) และทิศทางเงินทุนต่างชาติส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนธ.ค.

รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOE และ ECB ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น  ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน เช่น  ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

logoline