นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยกับ Nation Onlineว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดแกว่งไซด์เวย์อัพ ประเมินแนวต้านแรกที่ 1,540 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,556 จุด แนวรับแรกที่ 1,506 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,492 จุด
ทั้งนี้เนื่องจากเริ่มเห็นหน้าตา ครม.ใหม่ และกระแสนโยบายผลักดันเศรษฐกิจได้เร็ว ประกอบกับ แรงหนุนต่างประเทศจีนที่เริ่มใช้ยาแรงกระตุ้นภาคอสังหาฯ มองหุ้นนำตลาด คือกลุ่มปิโตรเคมี ผสานกลุ่มบริโภค ดิจิทัล กลุ่มลงทุน และกลุ่มท่องเที่ยว
ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม
- จีนประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพิ่มเติม เน้นภาคอสังหาริมทรัพย์(อาทิการยกเลิกกฎการจดจำนอง ขยายเวลาการคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้ที่ซื้อบ้านใหมีภายใน 1 ปี ปรับลดการวางเงินดาวน์ (Down payment Ratio) มองเป็นบวกต่อหุ้นที่เชื่อมโยงธุรกิจจีน เน้น IVL, PTTGC , SCGP, DOHOME
- MSCI ปรับน้ำหนักชุดหุ้นที่เข้า - ออก ดัชนี MSCI Global Standard Index ล่าสุด Rebalance หุ้นเข้า คือ TTB หุ้นออก คือ CBG, SAWAD มีผล 1 ก.ย.
ปัจจัยในประเทศ
- หน้าตา ครม. ชุดใหม่และกระแสการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็ว ซึ่งเน้นไปที่การบริโภค ภาคท่องเที่ยว ดิจิทัล การดึงต่างชาติเข้าลงทุน
หุ้นแนะนำ
- IVL (TP38.5) ลุ้นฟื้นตัวเร็วกว่าคาดหลังจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ
- PTTGC (TP52) อยู่ในโซนลงทุนรับผลบวกจากจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ
- CPAXT (TP38) ฟื้นตัวเร่งจาก 2H23 +ลุ้นนโยบายกระตุ้นบริโภคเปิด Upside
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้กับ Nation Online ว่า วันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือน ก.ค. (-6%YoY) แต่หากตัดสินค้าเกี่ยวข้องกับทองคำ น้ำมัน และยุทธปัจจัยจะอยู่ที่ (-2%YoY) ใกล้เคียงกับ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ -2.8%YoY
สาเหตุที่ชะลอตัวกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าเป็นผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในหลายภูมิภาคและการเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อส่งผลให้การบริโภคชะลอตัว อีกทั้งจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกฟื้นตัวช้าลงจากกำลังซื้อในประเทศที่หดตัว
อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าเกี่ยวข้องกับอาหารยังขยายตัวได้ อาทิ ผลไม้สด ผักกระป๋อง ไข่ไก่สด ส่วนสินค้าที่หดตัวและเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นได้แก่อาหารทะเลกระป๋อง (กระทบ TU)
ด้านสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวได้แก่รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (บวกต่อ AH ,SAT) ส่วนสินค้าที่หดตัวและเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (กระทบ HANA)
สำหรับคืนวันศุกร์ที่ประชุม Jackson Hole ประธาน FED ระบุว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ระดับสูงและอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ พร้อมระบุเพิ่มเติมว่าถึงแม้เงินเฟ้อจะปรับลงมาจากจุดสูงสุด แต่ก็ยังคงเป็นระดับสูงและดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ระดับสูงต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังปรับลง
ภายหลังแถลงพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับขึ้นแต่ CME FED Watch ยังให้น้ำหนักราว 80% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม (ลดลงจาก 90%)
โดยสรุปถ้อยแถลงค่อนข้างไปในทางเข้มงวดซึ่งเป็นลบกับตลาดหุ้น สำหรับสัปดาห์นี้หลักๆเน้นที่แรงงานในสหรัฐฯทั้งตำแหน่งเปิดรับสมัครงานในวันอังคาร การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP ในวันพุธและการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์และเงินเฟ้อ (PCE) ในวันพฤหัสบดี
อย่างไรก็ตาม ประเมิน SET INDEX สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวกรอบ 1,540 – 1,580 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นลดพอร์ตการลงทุนจากการที่ตลาดรับรู้ปัจจัยบวกด้านการเมืองไปมากแล้ว
ขณะที่ระดับ Valuation ปัจจุบันมิใช่จุดที่ถูกมากนักและต่างประเทศก็ยังไร้ปัจจัยบวก หุ้นแนะนำระยะสั้นเลือกกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ค้าปลีก (BJC, CRC ,CPALL ,HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT, AWC, CENTEL, ERW, MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL ,KBANK, KTB, SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM) กลุ่มการเงิน (TIDLOR)