
กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยจัดการแถลงข่าวชี้แจงสื่อมวลชนถึงการเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศและกลุ่มธนาคารโลก (การประชุมประจำปีฯ) ปี 2569 ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยนายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังแถลงว่า การประชุมประจำปีฯ ในปี 2569 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 15,000 คน จากกว่า 190 ประเทศสมาชิก ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารกลาง คณะผู้แทนจากประเทศสมาชิก ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศและกลุ่มธนาคารโลก สื่อมวลชน และภาคประชาสังคม
ซึ่งจะเป็นโอกาสของประเทศไทยในการแสดงศักยภาพในเวทีนานาชาติ โดยการที่กรุงเทพมหานครได้รับเลือกเป็นสถานที่ในการจัดการประชุมดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นศักยภาพของประเทศไทยที่เป็นจุดหมายในการจัดการประชุมระดับโลก เนื่องจากมีความพร้อมทั้งในเชิงโครงสร้างและบริการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็น (1) โครงสร้างพื้นฐานของสถานที่จัดประชุมที่ทันสมัย มีระบบการประชุมที่ได้มาตรฐานสากลและพร้อมรองรับผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (2) ระบบเครือข่ายคมนาคมที่ครบถ้วนสำหรับอำนวยความสะดวกในการเดินทาง (3) โรงแรมและโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานสูงระดับนานาชาติพร้อมให้บริการ และ (4) การต้อนรับและความตั้งใจบริการของคนไทยที่จะสร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมงานซึ่งเป็นจุดแข็งโดยธรรมชาติของประเทศไทย
ในการนี้ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเตรียมงานในทุกด้านอย่างเป็นระบบและประสานกับ IMF และกลุ่มธนาคารโลกอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพในปี 2566 ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกมิติของการประชุมประจำปีฯ ปี 2569 เป็นไปตามมาตรฐานสากลและมีความสมบูรณ์ที่สุด
การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีฯ ปี 2569 ไม่เพียงแสดงศักยภาพแต่ยังสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย (1) ในระยะสั้นจะทำให้เกิดรายได้แก่หลายธุรกิจจากการใช้จ่ายของคณะผู้แทนกว่า 15,000 คน (2) ในระยะกลางจะการดึงดูดนักลงทุนจากการเห็นศักยภาพในระบบการจัดการ ความพร้อม และมาตรฐานของเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของเศรษฐกิจโลก และ (3) ในระยะยาวจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการบริการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงยกระดับภาพลักษณ์ของไทยในฐานะศูนย์กลางของธุรกิจการจัดประชุมและการพบปะหารือด้านเศรษฐกิจและการเงินของโลก
นอกจากนี้ นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้แถลงเกี่ยวกับแนวคิดหลัก (Theme) ที่ต้องการผลักดันในการประชุมประจำปีฯ ปี 2569 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ คือ “Thailand’s New Horizons: Empowering People, Building Resilience” ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการสร้างพลังให้ประชาชนและเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจสามารถรองรับความท้าทายในอนาคตได้อย่างยั่งยืน ผ่าน (1) การพัฒนาอย่างมีประชาชนเป็นศูนย์กลางและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (People-Centric Innovative Development) มุ่งสร้างโอกาสใหม่ เพิ่มขีดความสามารถ ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศไทย ทั้งความอุดมสมบูรณ์ทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ บริการที่มีคุณภาพ แรงงานที่มีทักษะ และทรัพยากรธรรมชาติอันหลากหลาย
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรม S-Curve และอุตสาหกรรมดิจิทัล รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยผ่านการช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง และการยกระดับทักษะใหม่ (Reskill/Upskill) เพื่อมุ่งสร้าง “ความมั่งคั่งใหม่” ที่ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ และ (2) การมีเศรษฐกิจและระบบการเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย มั่นคง และเข้าถึงได้ (Safe and Inclusive Digital Finance: SIDF) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการเงินของประชาชน โดยระบบการเงินดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการประยุกต์ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์ในการวางแผนนโยบายการคลัง ระบบการชำระเงินดิจิทัล เช่น พร้อมเพย์ และเป๋าตัง ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล อาทิ ธนาคารเสมือน (Virtual Bank) ระบบยืนยันตัวตนดิจิทัลระดับประเทศ ซึ่งการเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินดังกล่าวต้องคำนึงถึงรักษาความมั่นคงปลอดภัย รวมถึงการคุ้มครองผู้บริโภคจากความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ รวมทั้งความเสี่ยงทางไซเบอร์ด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มการรับรู้และการมีส่วนร่วมของสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง และจะมีการรายงานข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมประจำปีฯ ปี 2569 ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย) ดังนี้ (1) Official Website: www.am2026thailand.go.th (2) Facebook: AM2026 Thailand (3) Instagram: am2026_thailand (4) X: AM2026Thailand (5) TikTok: AM2026Thailand (6) LinkedIn: AM2026Thailand และ (7) Youtube: AM2026thailand โดยมุ่งหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะสะท้อนให้โลกได้มองเห็น “ขอบฟ้าใหม่ของประเทศไทย” อย่างชัดเจน
ข้อมูลเกี่ยวกับการประชุม IMF-WBG Annual Meetings 2026
การประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund - IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group - WBG) เป็นเวทีสำคัญที่จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง ตลอดจนผู้บริหารของสถาบันการเงินระดับโลก ผู้นำทางความคิดและนักวิชาการด้านเศรษฐกิจ การเงิน และการพัฒนาจากทั่วโลกมารวมตัวกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเงิน การลดความยากจน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน การประชุมนี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางและนโยบายระดับโลก โดยเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความร่วมมือเพื่อเตรียมรับมือกับความท้าทายในยุคปัจจุบัน
• International Monetary Fund (IMF)
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก่อตั้งขึ้นในปี 1944 ประกอบด้วยประเทศสมาชิกทั้งหมด 191 ประเทศ มีหน้าที่หลักในการส่งเสริมเสถียรภาพทางการเงินระดับโลก สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจผ่านการให้คำปรึกษา การสนับสนุนทางการเงิน และการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ โดยปัจจุบันมีคุณ Kristalina Georgieva เป็นกรรมการจัดการ (Managing Director)
• World Bank Group (WBG)
กลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group - WBG) ก่อตั้งขึ้นในปี 1944 ประกอบด้วยประเทศสมาชิกทั้งหมด 189 ประเทศ มีพันธกิจหลักในการลดความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนประเทศสมาชิกผ่านการให้เงินกู้ โครงการพัฒนา และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในหลากหลายด้าน เช่น การศึกษา สุขภาพ โครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันมีคุณ Ajay Banga เป็นประธาน (President)
ประเทศไทยกับบทบาทและความสำคัญของการเป็นเจ้าภาพ IMF-WBG Annual Meetings 2026
การประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และกลุ่มธนาคารโลก (IMF-WBG Annual Meetings) จะจัดขึ้นทุกปีในเดือนตุลาคม โดยจะหมุนเวียนสถานที่จัดงานระหว่างสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา จัดต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี และหมุนเวียนไปยังประเทศสมาชิกที่ได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพทุก 3 ปี เพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายในแต่ละภูมิภาคและความร่วมมือระดับสากล
สำหรับปี 2569 ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม IMF-WBG Annual Meetings 2026 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 18 ตุลาคม 2569 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งไทยเป็น 1 ใน 3ประเทศที่ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญถึง 2 ครั้ง หลังจากเคยเป็นเจ้าภาพมาแล้วในปี 2534
การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม IMF-WBG Annual Meetings 2026 มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในหลายมิติ ทั้งบทบาททางด้านเศรษฐกิจและการเงินของไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับโลก การแสดงความพร้อมในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งอุตสาหกรรมการบินและการขนส่ง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว การอำนวยความสะดวก และสถานที่จัดงาน โดยจะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัด IMF-WBG Annual Meetings ครั้งแรกในปี 2534 และงานประชุมระดับนานาชาติอย่าง APEC2022 มาแล้ว
นอกจากนี้ การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ไทยจะได้นำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทย ทั้งศิลปวัฒนธรรม อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทำให้งานประชุมนี้จะมีส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว การบริการ และการลงทุนในหลากหลายภาคส่วน เนื่องจากมีจำนวนผู้เข้าร่วมงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชนและสื่อมวลชน จำนวนกว่า 15,000 คน จาก 191 ประเทศทั่วโลก ที่เดินทางมายังประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว
การประชุม IMF–WBG Annual Meetings 2026 เป็นเวทีหารือระดับนานาชาติที่สำคัญ โดย IMF–WBG จะเป็นผู้กำหนดธีมหลักของการประชุมในแต่ละปี เพื่อใช้เป็นกรอบในการอภิปรายประเด็นเศรษฐกิจ การเงิน และความท้าทายระดับโลกที่ทุกประเทศต้องร่วมกันรับมือ สำหรับปี 2026 ไทยในฐานะเจ้าภาพได้กำหนดธีมหลักของประเทศภายใต้ชื่อ “Thailand’s New Horizons: Empowering People, Building Resilience” สะท้อนแนวคิดการพัฒนาที่ให้ “ประชาชน” เป็นศูนย์กลาง พร้อมเสริมสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้ระบบเศรษฐกิจและการเงินมีความพร้อมรับมือความเสี่ยงในอนาคต ธีมดังกล่าวมุ่งต่อยอดจุดแข็งของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าด้านการชำระเงินดิจิทัล เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และศักยภาพของแรงงานไทย พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการยกระดับทักษะ ความรู้ และโอกาสทางเศรษฐกิจของประชาชนเพื่อให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในระบบการเงิน แม้ช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงรูปแบบใหม่ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเสริมสร้างให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันทางการเงินดิจิทัล การกำหนดธีมเจ้าภาพครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะสื่อสารวิสัยทัศน์การพัฒนาในอนาคตต่อเวทีโลก และใช้การประชุม AM2026 เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เสริมสร้างความร่วมมือ และผลักดันประเด็นด้านการเสริมศักยภาพประชาชนและความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ เพื่อก้าวไปสู่ “New Horizons” อนาคตที่มั่นคง ยั่งยืน และครอบคลุมสำหรับทุกคน