svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

คลังอัด 3 แพ็กเกจฟื้นท่องเที่ยว ‘ลดหย่อนภาษี - เร่งเบิกจ่าย’

ครม. เศรษฐกิจนัดแรก ดันแผนเศรษฐกิจ 4 เดือน เล็งชงแพ็กเกจท่องเที่ยวเข้า ครม. สัปดาห์หน้า ‘ลดหย่อนภาษี - เร่งเบิกจ่าย’ คาดมาตรการหนุนเศรษฐกิจ 0.4%

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุ การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจช่วง 4 เดือน ส่วนที่เดินหน้าแล้วเป็นการเปิดลงทะเบียนร้านค้าสำหรับโครงการคนละครึ่งพลัสที่เปิดตัวโครงการช่วงเช้าวันที่ 15 ต.ค.2568

ส่วนมาตรการที่เสนอ ครม.สัปดาห์หน้าเป็นการกระตุ้นท่องเที่ยว ซึ่งต้องออกมาขับเคลื่อนการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวมาก โดยการท่องเที่ยวในประเทศติดลบ 8% ในช่วง 8 เดือน แรกของปีนี้ และกระทรวงการคลังจะเสนอเป็นแพ็กเกจการท่องเที่ยว 3  มาตรการ ได้แก่
 

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

1.มาตรการทางภาษี โดยให้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 20,000 บาท โดยมาตรการนี้จะให้สิทธิ์ลดหย่อนสำหรับการท่องเที่ยวเมืองหลัก 1 เท่า และเมืองรองให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า โดยเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.-15 ธ.ค.2568

2.โครงการเร่งรัดการจัดประชุมสัมมนาของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งมีงบประมาณอยู่แล้ว 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนราชการ 3,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 3,000 ล้านบาท สำหรับการอบรมสัมมนา ยังไม่รวม อปท.ที่ตั้งไว้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว 

ทั้งนี้ กำหนดให้เบิกจ่าย 60% ของงบอบรมสัมมนาภายในเดือน ม.ค.2568 แทนที่จะรอจ่ายในไตรมาส 3-4 ของปีงบประมาณ ซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจขยายตัว 

นอกจากนี้มีข้อเสนอจากประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เสนอให้บริษัทนิติบุคคลนำค่าใช้จ่ายพาพนักงานเที่ยวในประเทศมาหักลดหย่อนภาษีได้ เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้

3.มาตรการสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมและที่พัก ซึ่งให้สิทธิหักค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงแรมได้ 2 เท่า สำหรับเมืองรองโดยเฉพาะ ให้สิทธิ์ใช้จ่ายได้ถึงเดือน มี.ค.2569 โดยนำไปใช้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ การติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนและความยั่งยืน การจัดทำระบบบำบัดน้ำเสีย
 

นอกจากนี้พิจารณามาตรการอื่น เช่น การลดภาษีสถานบริการจาก 10% เหลือ 5% โดยประสานกระทรวงมหาดไทยและกรมสรรพสามิตเชื่อมโยงข้อมูลสถานบริการ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ยังดำเนินการไม่ถูกต้องให้เข้าระบบและได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีได้ครอบคลุม 

นอกจากนี้ได้หารือการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท โดยปี 2568 มีงบเหลือจ่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 300,000 ล้านบาท และงบลงทุนเบิกจ่ายได้แค่ 65% 

ดังนั้น ปี 2569 จึงตั้งเป้าการเบิกจ่ายงบประมาณปกติไว้ที่ 93% และงบประมาณลงทุนไว้ที่ 75% รวมทั้งกำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ของหัวหน้าส่วนราชการด้วย โดยเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ความเห็นต้องติดตามเป็นรายเดือนและรายงานนายกรัฐมนตรีทราบ 

ทั้งนี้โครงการที่จะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เร็วต้องเตรียมความพร้อมการจัดซื้อจัดจ้างไว้ก่อน เพื่อให้การทำสัญญาได้ทันตามกำหนด

“ครม.เศรษฐกิจ สั่งให้เร่งใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหน่วยงานใดที่ของบเหลือจ่ายและมีทีโออาร์แล้วให้เร่งเบิกจ่ายให้เสร็จภายในไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2569 หรือภายในเดือน มี.ค.2569 เพื่อดึงงบเก่าที่ใช้ไม่มีประสิทธิภาพมาฟื้นเศรษฐกิจ"