
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชน ว่า ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างหารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมี นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. เข้าร่วมผลักดันด้วยตนเอง คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1 เดือน หลังจากนี้
หนึ่งในแนวทางที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคือ การจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อจัดการหนี้เสีย (NPL) โดยมี 2 ทางเลือก คือ
1.ตั้ง AMC ใหม่ แต่แนวโน้มจะใช้เวลานาน ซึ่งไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาเร่งด่วนภายใน 4 เดือน
2.ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ SAM (บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท) และ BAM (บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์)
ซึ่งทั้ง 2 แห่งเป็นรัฐวิสาหกิจในกำกับของ ธปท. และกระทรวงการคลัง และมีความพร้อมทั้งกลไกและประสบการณ์
"วงเงินเบื้องต้น ที่อาจใช้ในการซื้อหนี้จากระบบธนาคารอยู่ที่ ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท จากเงินของ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่มีอยู่กว่า 26,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณเดิม ไม่กระทบการเงินการคลัง" นายเอกนิติ กล่าว
นายเอกนิติ ชี้ว่า การรวมศูนย์หนี้ของลูกหนี้รายย่อยเป็นแนวทางสำคัญ เพราะคนส่วนใหญ่มีหนี้หลายแหล่ง เมื่อเป็นหนี้เสีย มักถูกติดตามจากหลายธนาคารพร้อมกัน จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางมาจัดระบบ ดูศักยภาพการชำระหนี้ และปรับโครงสร้างใหม่ เช่น ตัดต้น ลดดอก หรือยืดระยะเวลาผ่อนชำระ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
“ลูกหนี้เงินเดือนหมื่นเดียว แต่ต้องผ่อนเดือนละ 4-5 พัน ยังไงก็ไปไม่รอด พอเป็น NPL ก็ถูกตามหลายทาง เราจึงต้องรวมศูนย์หนี้มาจัดระบบใหม่ ถ้าปรับโครงสร้างให้ผ่อนแค่พันเดียวต่อเดือน เขาก็มีโอกาสกลับมาตั้งหลักได้” นายเอกนิติกล่าว
ทั้งนี้ นายเอกนิติ ระบุว่า แนวคิดจัดตั้ง AMC ครั้งนี้ เดินตามรอยโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่เคยทำในรัฐบาลก่อน ซึ่งไม่ใช้เงินงบประมาณ แต่ใช้เงินจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(FIDF) ที่มีวงเงินคงเหลือราว 26,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้นตั้งเป้านำมาใช้ซื้อหนี้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างคำนวณรายละเอียด โดยแนวทางจะคล้ายช่วงวิกฤตปี 2540 คือซื้อหนี้ในราคาต่ำ แล้วพัฒนาและฟื้นฟูลูกหนี้รายย่อย ให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้
พร้อมกันนี้จะออกแบบมาตรการป้องกัน Moral Hazard โดยใช้ระบบให้คะแนนลูกหนี้ หากมีวินัยการชำระ ก็จะได้สิทธิลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง และมีโอกาสกลับมาเข้าถึงสินเชื่อได้อีก
สำหรับราคาซื้อหนี้จากธนาคาร นายเอกนิติเ ผยว่า จะเป็น “ราคายุติธรรม” และใช้โมเดล “Gain-Loss Sharing” หากขาดทุนหรือได้กำไร ก็แบ่งกันระหว่างรัฐและธนาคาร โดยย้ำว่า เป้าหมายหลักคือ “ช่วยลูกหนี้ให้กลับมายืนได้”
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ที่มียอดหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยจะใช้กลไกบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เข้าซื้อหนี้จากธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ถูกตั้งสำรองไว้แล้ว ทำให้สามารถซื้อได้ในราคาต่ำ เมื่อหนี้ถูกรวบมาไว้ที่เจ้าหนี้เพียงรายเดียว การติดตามทวงถามจะลดลง ลูกหนี้ก็มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
“การดำเนินการผ่านกลไกนี้ ไม่ใช่การยกหนี้ แต่เป็นการช่วยเหลือด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน เพื่อให้ลูกหนี้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น” นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว พร้อมระบุว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างหารือรายละเอียดอย่างใกล้ชิด และจะต้องพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้งเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้" นายลวรณ กล่าว
ทั้งนี้ แม้ไม่ใช่การ “ยกหนี้” แต่จะมีการผ่อนปรนเงื่อนไข เช่น ลดหนี้ต้น ลดดอกเบี้ย หรือยืดเวลาชำระ เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสกลับมาเข้าระบบการเงินได้อีกครั้ง
ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างหารือรายละเอียด โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้
สำหรับแนวทางดำเนินการ แบ่งออกเป็น 4 ช่องทางหลัก ได้แก่