
นาย อชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) กล่าวว่า มาตราการจัดเก็บภาษีน้ำตาลส่งผลกระทบกับทุกบริษัทผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม รวมถึงมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนผลิตภัณฑ์ อาทิ ราคาน้ำตาล ราคาค่าพลังงาน โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับผลกระทบจากต้นทุนเพิ่มที่ขึ้นประมาณ 7% และผลกระทบต้นทุนการผลิตจากภาษีน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น
แต่ในปีนี้ บริษัทฯจะยังคงราคาสินค้า ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ โดยยืนยันว่าการขึ้นราคาสินค้า จะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่บริษัทฯจะพิจารณา และจะขึ้นราคาสินค้าที่ระดับใดนั้นยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ เนื่องจากต้องพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นๆทางการตลาดด้วย โดยบริษัทฯ พยายามมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่มีคุณภาพ กลยุทธ์อื่นๆ รวมถึงการจัดการต้นทุนกระบวนการผลิตด้วย
สำหรับภาษีน้ำตาล ระยะที่ 3 ที่เริ่มเก็บตั้งแต่ 1 เมษายน 2566 - 31 มีนาคม 2568 มีอัตราเก็บภาษีที่ปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม คิดอัตราภาษี 0.3 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล 8-10 กรัม คิดอัตราภาษี 1 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล 10-14 กรัม คิดอัตราภาษี 3 บาทต่อลิตร ปริมาณน้ำตาล 14-18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร และปริมาณน้ำตาล ตั้งแต่ 18 กรัม คิดอัตราภาษี 5 บาทต่อลิตร
นาย อชิต กล่าวว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2561 บริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 5.9% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โตกว่าภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ถึง 3 เท่า โดยผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดได้สูงถึง 2.6% โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล และปีนี้จะดำเนินธุรกิจ ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก คือ
นอกจากนี้ จะเดินหน้าสานต่อนโยบายส่งเสริมการฝึกอบรมทักษะต่างๆ ตลอดจนเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมกับองค์กรอย่างเสมอภาค สานต่อการบริหารจัดการน้ำที่ดี และ เพิ่มจำนวนบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100%