svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ธุรกิจ-การตลาด

โนเบิลรุกตลาด"คอนโดฯ-แนวราบ" ผุด 10 โครงการใหม่มูลค่า 2.33 หมื่นล้าน

19 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

โนเบิลกางแผนลงทุนปี 66 ผุดโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่า 23,300 ล้านบาท รองรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้น จับกลุ่มลูกค้าชาวไทย-ต่างชาติซื้ออยู่จริง-เก็งกำไรลงทุน

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า  แผนดำเนินงานปี 66 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 10 โครงการ มูลค่า 23,300 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย (Demand) ที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว รวมทั้งความต้องการบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ  

ทั้งนี้แบ่งเป็นโครงการแนวราบ และโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 9 โครงการมูลค่าโครง การรวม 13,400 ล้านบาท และโครงการประเภทแนวสูงจำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,900ล้านบาท โครงการจะกระจายตัวอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น แถบกรุงเทพตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น รวมถึงทำเลกลางใจกลางเมือง อาทิ ถนนวิทยุ เป็นต้น 

โนเบิลรุกตลาด"คอนโดฯ-แนวราบ" ผุด 10 โครงการใหม่มูลค่า 2.33 หมื่นล้าน

นอกจากนี้บริษัทฯมีที่ดินพร้อมสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการแล้วทั้งหมด รวมถึงมีแผนเปิดโครงการที่เน้นเจาะกลุ่ม Ultra Luxury Segment เพิ่มขึ้น จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโนเบิล เอควา ริเวอร์ฟร้อนท์ ราษฎร์บูรณะบ้านเดี่ยวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 – เอกมัย บ้านเดี่ยวใจกลางทำเล CBD พระราม 9 – เอกมัย และโครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ บีชฟร้อนท์ ที่ดินหน้ากว้างติดทะเล ใจกลางตัวเมืองชะอำ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสินค้ารองรับความต้องการอยู่อาศัยของผู้บริโภคในทุกสถานะการก่อสร้าง โดยมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) ในปี 66 มูลค่ารวม 11,300 ล้านบาทและสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมูลค่ารวม 18,700 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งแบบอยู่อาศัยเองหรือเพื่อลงทุนจะผลักดันยอดขายและรายได้ในปีนี้ของบริษัทฯ ให้เติบโตสูงขึ้น

โนเบิลรุกตลาด"คอนโดฯ-แนวราบ" ผุด 10 โครงการใหม่มูลค่า 2.33 หมื่นล้าน

 “ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ทำให้พฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวจีนในประเทศไทยเปลี่ยนไปหันมานิยมซื้อที่อยู่อาศัยแบบสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วมากขึ้น เพราะสามารถเห็นโครงการจริงและวิวจริงซึ่งสามารถชมโครงการได้หลายรูปแบบทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ “

นอกจากนี้ความต้องการห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการอยู่อาศัยเองทั้งครอบครัวจากเดิมที่นิยมซื้อ เพื่อลงทุน โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลพระรามเก้า ซึ่งเป็นย่านนิยมของนักลงทุนต่างชาติติดห้างเซ็นทรัลพระราม 9 คือโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้วกว่า 75% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทั้งลูกค้าชาวไทยและลูกค้าต่างชาติ 

สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจไทยคาดว่าฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันของโรคโควิด-19 ประกอบกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี เกิดการจ้างงานมากขึ้น ส่งผลให้ประชากรภายในประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่รัฐบาลจีนก็มีการประกาศปลดล็อคและเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยบวกใหม่ที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยคึกคักมากขึ้น และจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีน

อย่างไรก็ตาม จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ Backlog ที่มีในมือ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะทยอยส่งมอบในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ เชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อทิศทางการดำเนินงานในปี 66  คาดว่ารายได้รวมอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท

ส่วนในปี 65 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการใหม่ตลอดทั้งปีจำนวน 11 โครงการ มูลค่ารวม 31,550 ล้านบาท ซึ่งสามารถกวาดยอดขาย (Pre-sale) ได้ที่ระดับ 17,400 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นปี  65บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาทถือเป็นยอดขายและยอดขายรอโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา (All-time high)

logoline