svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ธุรกิจ-การตลาด

"กองทุนน้ำมัน" เดินหน้ากู้ตามแผนอีก 1.2 แสนล้านบาท ภายในปี 2566

04 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"กองทุนน้ำมัน" เดินหน้ากู้เงินก้อนอีก 1.2 แสนล้านให้ครบทั้งหมดภายในปีนี้เพื่อเสริมสภาพคล่อง เผยสภาพสถานะกองทุนฯติดลบน้อยลง และ เก็บเงินเข้าได้มากขึ้นหลังราคาน้ำมันอ่อนตัว ยืนยันพร้อมดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาทต่อลิตร

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ สกนช.  เปิดเผยสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 ว่า ยังคงติดลบมากกว่า 130,000 ล้านบาทเนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เข้ามาสนับสนุนการขับเคลื่อนมาตราการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน

และผู้ประกอบการ เช่น การทยอยปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) แบบขั้นบันได จากที่ตรึงไว้ 318 บาทต่อ ถัง 15 กก.มาอยู่ที่ 408 บาทต่อ ถัง 15 กก. และ การบริหารราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม จากที่ตรึงไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ไม่เกิน 35 บาทต่อลิตรในปัจจุบัน

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ สกนช. 

สำหรับแผนการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุนนั้น ขณะนี้สกนช.ได้ดำเนินการกู้เงินรอบแรก 30,000 ล้านบาทลงนามในสัญญาเรียบร้อยแล้วกับธนาคารกรุงไทยและธนาคาออมสินส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบลดลง ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วันที่ 1 มกราคม 2566 ติดลบอยู่ที่ 121,491 ล้านบาท โดยมีแผนการกู้รอบ 2 อีกไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท

ซึ่งขณะนี้ยังต้องรอ ทางบอร์ด สำนักงานบริหารหนี้สาธารณ หรือ สบน. ประชุมแผนกำหนดกรอบหนี้สาธารณะของประเทศในวันที่ 9 ม.ค.นี้ก่อนเพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าการกู้ได้ครบตามกรอบวงเงินที่เหลืออีก 1.2 แสนล้านบาทในปีนี้

นายวิศักดิ์  กล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ราคาน้ำมัน ไม่ผันผวนมากกว่าที่เคยเป็น จะสามารถดำเนินการชำระหนี้คืนตามที่เคยเสนอภายใน 7 ปีได้หมด ทั้งนี้ ในช่วงปลายพฤศจิกายน ถึง เดือนธันวาคม 2565 ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 8,000 ล้านบาท ทำให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ที่กองทุนม้ำมันยังต้องเฝ้าระวังต่อไป

ส่วนทิศทางราคาน้ำมันในปีนี้ คาดว่าจะไม่ร้อนแรงเท่าปีที่ผ่านมา เบื้องต้น ประเมินว่าราคาดีเซล ปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และกรณีเลวร้ายสุด จะขึ้นไปแตะ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจกดดันให้เศรษฐกิจโลกถดถอย , การเปิดประเทศของจีน จะทำให้ยอดการใช้น้ำมันกลับขึ้นมาสูงขึ้น, มาตรการปรับกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัส และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

 

 

logoline